Xpeng P7+ เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศจีน

Xpeng P7+ รถไฟฟ้าแบบลิฟต์แบ็ค เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศจีนและเตรียมพร้อมเปิดตัวสู่ตลาดในปีนี้ Xpeng กล่าวว่าเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้แพลตฟอร์มขับขี่อัตโนมัติรุ่นใหม่ Xpeng P7+ ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 710 กม. และกำลังสูงสุด 230 กิโลวัตต์ 

Xpeng P7+ officially revealed

Xpeng P7+ เป็นรถแบบลิฟต์แบ็คที่เน้นครอบครัว โดยยังคงรักษารูปแบบการออกแบบ Robo Face ล่าสุดของแบรนด์เอาไว้ ด้านหน้าใช้การออกแบบทรงตัว X พร้อมแถบไฟวิ่ง LED และไฟหน้าที่ผสานเข้ากับกันชนหน้า ส่วนด้านหลังมีชุดไฟท้ายแบบเดี่ยว ส่วนด้านข้างมีที่จับประตูที่ซ่อนอยู่และหลังคาลาดเอียง มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีเงิน สีขาว สีดำ สีม่วง และสีเบจ

Xpeng P7+ มีขนาด 5,056/1,937/1,512 มม. และฐานล้อ 3,000 มม. โดย P7+ ใช้ล้อขนาด 235/60 R18 หรือ 255/45 R20 ตัวถังที่ยาวขึ้นของ Xpeng P7+ ช่วยเพิ่มพื้นที่ภายใน

คอนโซลกลางของ Xpeng P7+ เป็นแบบเดียวกับมินิแวน Xpeng X9 มีหน้าจอหลักขนาด 15.6 นิ้ว ที่ขับเคลื่อนด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8295P มีพวงมาลัยแบบสองก้านพร้อมคันเกียร์ติดตั้งอยู่ด้านหลัง อุโมงค์ตรงกลางมีที่วางแก้วสองที่และแท่นชาร์จไร้สายสองแผ่นสำหรับ 50W

เบาะนั่งแถวที่ 2 ของ Xpeng P7+ มีระบบปรับไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ และระบบนวด (ยกเว้นเบาะกลาง) มีจอภาพขนาด 8 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ส่วนผู้โดยสารด้านหลังขวาก็มีโต๊ะพับด้วยเช่นกัน Xpeng P7+ ยังมีห้องเก็บสัมภาระที่กว้างขวางพร้อมอัตราพับ 4/6

Xpeng P7+ ติดตั้ง ระบบขับขี่อัตโนมัติ AI Eagle Eye Vision รุ่นใหม่ ตามข้อมูลของ Xpeng ระยะการรับรู้ของระบบ Eagle Eye เพิ่มขึ้น 125% ความเร็วในการรับรู้เพิ่มขึ้น 40% Xpeng ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ P7+ ในตอนกลางคืนและสภาพอากาศที่เลวร้าย

รถยนต์ระดับเริ่มต้นมีกำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์ รุ่นที่ทรงพลังกว่ามีมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 230 กิโลวัตต์ แบตเตอรี่ LFP 

สำหรับ P7+ มีให้เลือกสองแบบ ได้แก่ 60.7 กิโลวัตต์ชั่วโมงสำหรับระยะทาง 620 กม. (CLTC) และ 76.3 กิโลวัตต์ชั่วโมงสำหรับระยะทาง 710 กม. (CLTC) อัตราการใช้พลังงานอยู่ที่ 11 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. P7+ มีระบบกันสะเทือนแบบปีกนกคู่ที่เพลาหน้าและระบบกันสะเทือนแบบมัลติลิงค์อิสระที่เพลาหลัง

Xpeng P7+ จะมีการเปิดตัวในระดับนานาชาติในงาน Paris Motor Show ในวันที่ 14 ตุลาคม และมีกำหนดเปิดตัวในตลาดภายในประเทศในปีนี้

อ้างอิง CarNewsChina