ค่าย Volvo ได้ทำตามคำมั่นสัญญาที่ทำไว้ เพราะ ในปี 2017 Volvo ได้ประกาศแผนการยุติการพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซล และเมื่อเดือนที่แล้ว รถยนต์คันสุดท้ายที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลของ Volvo ซึ่งก็คือรุ่น XC90 กลายเป็นรถดีเซลคันสุดท้ายได้ถูกประกอบในโรงงาน Torslanda เป็นการปิดตำนานรถดีเซลของ Volvo อย่างเป็นทางการ
ขั้นตอนต่อไปคือการยุติการผลิตยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปโดยสิ้นเชิง แม้ว่าแบรนด์หรูอื่น ๆ เช่น Mercedes และ Bentley ได้ปรับเป้าหมายเลื่อนการผลิตรถ EV แบบ 100% ออกไปทุกค่าย แต่ดูเหมือนว่า Volvo ก็ยังคงยึดมั่นในแผนที่จะใช้ระบบไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์ภายในสิ้นทศวรรษนี้ (ปี 2030)
โดยก่อนหน้านี้เครื่องดีเซลได้รับความนิยมมากในยุโรป แต่ความต้องการเริ่มลดลง หลังจากเกิดเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการโกงการปล่อยมลพิษของกลุ่ม Volkswagen นอกจากนี้ กฎระเบียบด้านการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดยิ่งขึ้นยังบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ค่อย ๆ เลิกใช้เครื่องยนต์ดีเซล เพราะต้นทุนผลิตและข้อบังคับที่มากขึ้นทำให้ไม่คุ้มทุน
และหันมามองส่วนแบ่งการตลาด สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งยุโรป (ACEA) อ้างว่าส่วนแบ่งการตลาดดีเซลในยุโรปลดลงจาก 16.4 %ในปี 2022 เหลือ 13.6% ในปี 2023 โดยรถ EV ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นสวนทาง โดยในปีที่แล้วรถ EV มีส่วนแบ่ง 14.6% ส่วน รถแบบปลั๊กอินไฮบริดคิดเป็น 7.7% รถยนต์เบนซินครองแชมป์สูงสุดด้วยส่วนแบ่ง 35.3% และรถไฮบริดธรรมดามีส่วนแบ่ง 25.8%
ที่มา Motor1