VinFast สบช่องกำลังซื้อ คนชั้นกลางในอาเซียนยังแกร่ง เร่งขยายตลาดกับกลยุทธ์ Celebrity Marketing ประเดิมด้วยซูเปอร์สตาร์เกาหลี

สัดส่วนประชากรชนชั้นกลางที่กำลังเติบโต ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทยด้วย จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางตลาดยานยนต์ภายในปี 2573 คนชั้นกลางรุ่นใหม่ ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความสะดวกสบาย และความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ความต้องการในด้านยานพาหนะของคนกลุ่มนี้จะมุ่งเน้น
ที่ความคล่องตัวในการใช้งานจริง เทคโนโลยี และความคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย ซึ่งทั้งหมดนี้ต่างเป็นโอกาสที่ดี สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้ง VinFast (วินฟาสต์) แบรนด์รถยนต์ชั้นนำจากเวียดนาม

กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดว่าจะมีจำนวนเติบโตอย่างมาก โดยคาดการณ์ว่า ภายในปี 2573 จะมีสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากระดับเพียง 29% ในปี 2553 ตามรายงานของ PwC ปี 2561 ชนชั้นกลางที่กำลังเติบโตนี้ กำลังมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต ด้วยพฤติกรรมที่พร้อมจะจ่ายเพื่อคุณภาพ ความสะดวกสบาย และทางเลือกที่เหนือกว่า

รถยนต์เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สำคัญในภูมิทัศน์ของตลาดที่กำลังเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์มักใช้เป็นตัววัดสุขภาวะทางการเงิน และกำลังซื้อของกลุ่มชนชั้นกลาง อย่างไรก็ตาม ประชากรกลุ่มนี้ไม่เพียงแค่มุ่งมั่นสร้างสถานะทางสังคม แต่ยังมีความตื่นตัวในด้านสิ่งแวดล้อม และหันมาสนใจตัวเลือกสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจากการสำรวจของ Milieu ในปี 2564 ชี้ให้เห็นว่า ผู้บริโภคทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความสนใจใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างมาก โดยมีสัดส่วนถึง 56% ในประเทศไทย, 51% ในเวียดนาม และ 47% ในฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

รถยนต์ในอุดมคติของกลุ่มชนชั้นกลาง

คุณลักษณะหลัก 3 อย่างที่กลุ่มผู้ซื้อรถยนต์ระดับกลางมองหา คือ ความคุ้มค่า ความปลอดภัย และฟังก์ชั่นการ
ใช้งาน เมื่อพูดถึงความคุ้มค่า กลุ่มชนชั้นกลางจำนวนมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน มากกว่าคุณสมบัติของเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะสูง จากรายงานของ Vero/WeBridge ในปี 2566 คนไทยจำนวน 27% และชาวฟิลิปปินส์จำนวน 33% ตอบว่า ประสิทธิภาพในการใช้พลังงานเป็นแรงจูงใจหลักในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยเมื่อพิจารณาถึงความผันผวนของราคาพลังงานในปัจจุบัน และผู้บริโภคจำนวนมากเหล่านี้เพิ่งเป็นเจ้าของรถยนต์คันแรก และตั้งใจใช้เป็นยานพาหนะ สำหรับทั้งการเดินทางในชีวิตประจำวัน และท่องเที่ยวกับครอบครัวในวันหยุด

ความปลอดภัยก็เป็นข้อพิจารณาสำคัญอีกประการหนึ่ง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีครอบครัว ผู้ซื้อกลุ่มนี้ต่างมองหารถยนต์ที่มีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภัยหลายใบ, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ESC) และกล้องมองหลัง ผู้ซื้อหลายรายยินดีที่จะแลกฟีเจอร์สิ่งอำนวยความสะดวกที่หรูหรา เช่น เบาะหนัง หรือซันรูฟ เพื่อให้ได้รถที่ปลอดภัยมากขึ้น

นอกจากนี้ ผู้ซื้อรถยนต์ระดับกลางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังให้ความสำคัญกับฟังก์ชั่นการใช้งาน และ
ความคล่องตัวอีกด้วย ความชอบส่วนบุคคล และความเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ของผู้บริโภค โดยเฉพาะในประเทศไทย (53%) อินโดนีเซีย (43%) และเวียดนาม (39%)

ผู้ซื้อรถกลุ่มนี้ มองหายานพาหนะซึ่งสามารถรองรับความต้องการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการรับ-ส่งสมาชิกในครอบครัว วางสัมภาระเมื่อไปจับจ่ายของใช้ในบ้าน  หรือการเดินทางช่วงสุดสัปดาห์ ส่งผลให้เกิดความต้องการที่เพิ่มขึ้น สำหรับรถยนต์อเนกประสงค์ในอินโดนีเซีย และรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกะทัดรัดในประเทศไทย ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางและให้ความยืดหยุ่นในการใช้งานได้หลากหลาย

นอกจากนั้น ผู้ซื้อรถกลุ่มนี้ยังสนใจรถยนต์ที่มีคุณสมบัติทางเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย
และเชื่อมต่อระบบการสื่อสาร และทำงานทั้งหมดเข้าด้วยกัน ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เช่น ระบบอินโฟเทนเมนต์, หน้าจอสัมผัส, การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน และเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ เช่น ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ และระบบเตือนการออกนอกเลน

โอกาสสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ในภูมิภาค

ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ย่อมเข้าใจถึงความต้องการของผู้คนในภูมิภาคเดียวกัน ในอุตสาหกรรมยานยนต์ก็เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเพิ่งถือกำเนิด และกำลังเติบโตอย่างมากในภูมิภาคอาเซียน

“ประเทศเกิดใหม่ และประเทศที่มีรายได้ปานกลางจำนวนมาก ไม่ต้องการเป็นเพียงตลาดสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า แต่ต้องการเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรืออย่างน้อยก็เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง ในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของโลก” เจมส์ กิลด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้า, การเงิน และการพัฒนาเศรษฐกิจ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขียนไว้ในบทความในนิตยสาร The Diplomat

แม้ยังขาดประสบการณ์อันยาวนานอย่างแบรนด์รถยนต์ที่มีชื่อเสียงในระดับโลก แต่ผู้ผลิตรถยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็มีข้อได้เปรียบจากความเข้าใจเชิงลึก ในตลาดภูมิภาค และรู้ว่าจะมุ่งเน้นพัฒนาฟีเจอร์ และคุณลักษณะของรถยนต์อย่างไรให้โดนใจชนชั้นกลางในอาเซียนได้

VinFast (วินฟาสต์) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหน้าใหม่จากเวียดนาม ที่เพิ่งมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงเป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่น และ VF 5 เอสยูวี ในเซกเมนต์ A ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นเริ่มต้นของแบรนด์ ก็สะท้อนให้เห็นว่า VinFast (วินฟาสต์) เข้าใจถึงความต้องการของตลาดรถยนต์ในอาเซียน

VF 5 ซึ่งกำลังเปิดตัวในประเทศไทย และฟิลิปปินส์ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อรถชนชั้นกลางได้ในทุกด้าน ด้วยความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า รถรุ่นนี้จึงมีค่าใช้จ่ายในการใช้งานที่ต่ำกว่ารถยนต์น้ำมันเบนซิน ในเวียดนาม และรถรุ่นนี้คว้ารางวัลรถยนต์แห่งปี 2 รางวัล ในประเภท “รถยนต์ที่ประหยัดที่สุด” และ “ดีที่สุดในกลุ่มที่มีราคาต่ำกว่า 500 ล้านดองเวียดนาม (ประมาณ 19,600 ดอลลาร์สหรัฐ)”

VF 5 มีความยาว 3,967 มม., กว้าง1,723 มม. และ สูง1,578 มม. จึงมีขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง ภายในกว้างขวางด้วยเบาะ 5 ที่นั่ง พร้อมฟีเจอร์สุดล้ำ ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอคอนโซลขนาด 8 นิ้ว, ระบบระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ (ADAS) พื้นฐาน และคุณสมบัติด้านความปลอดภัย เช่น ถุงลมนิรภัย 4 ใบ, ระบบเบรค ABS, ระบบช่วยกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD), ระบบช่วยเบรก, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) และสัญญาณกันขโมย

VinFast (วินฟาสต์) ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการสัญจรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ โดยล่าสุด ได้แต่งตั้ง คิม ยูจอง นักแสดงสาวชื่อดังชาวเกาหลีใต้ เป็นแอมบาสซาเดอร์ของรถยนต์ VF 5 โดยความงามของ คิม ยูจอง ที่ผสมผสานเสน่ห์แบบกุลสตรี กับความเฉลียวฉลาดแบบสาวยุคใหม่ สะท้อนถึงคุณสมบัติของ VF 5 รถยนต์อเนกประสงค์คู่ใจ ที่ใช้ขับขี่ในชีวิตประจำวัน บนถนนอันพลุกพล่านของกรุงเทพฯ ไปจนถึงบนถนนเลียบชายหาดอันเงียบสงบในภูเก็ต

VinFast (วินฟาสต์) กำลังเตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าครบไลน์ทุกรุ่นในประเทศไทย ประเดิมด้วย VF 5 ซึ่งนำมาให้ชาวไทยได้สัมผัสกันได้อย่างใกล้ชิด กับเอกซ์คลูซีฟป็อปอัพในศูนย์การค้าชั้นนำทั่วประเทศ โดยเริ่มจากศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 9 – 14 กรกฎาคม 2567ที่ผ่านมา