บริษัท วินฟาสต์ ออโต้ (ประเทศไทย) ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (Letter of Intent-LOI) กับ 15 ดีลเลอร์ชั้นนำ ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายของ VinFast (วินฟาสต์) ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโต และตอกย้ำถึงสถานะ ตลอดจนชื่อเสียงของบริษัทในประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดยานยนต์ชั้นนำของเอเชีย ซึ่งตามข้อตกลงนี้ VinFast (วินฟาสต์) และดีลเลอร์จะร่วมมือกันอย่างเต็มที่ เพื่อเปิดโชว์รูม 22 แห่ง
โดยเน้นพื้นที่บนถนนสายหลักในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล อันเป็นจุดโฟกัสในกลยุทธ์การเติบโตในตลาดประเทศไทย ที่มีอัตราการใช้รถยนต์ไฟฟ้าสูง และมีความพร้อมด้านสถานีชาร์จ เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยให้ VinFast (วินฟาสต์) สามารถนำเสนอยานยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่นเพื่อชีวิตคนเมือง
ซึ่งดีลเลอร์พันธมิตรของ VinFast (วินฟาสต์) ได้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจจากแนวโน้มการเติบโต และความสนใจของตลาดการขนส่ง ด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ยั่งยืน รวมถึงชื่อเสียงที่แข็งแกร่งของแบรนด์ และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ได้สร้างความเชื่อมั่นในความสำเร็จของบริษัทฯ ในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น
นอกเหนือจากพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลแล้วเ ครือข่ายดีลเลอร์ของ VinFast (วินฟาสต์) จะขยายไปยังเมืองหลัก อย่างเช่น เชียงใหม่, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, อยุธยา และชลบุรี เพื่อช่วยให้สามารถเข้าถึงตลาดการขนส่งแบบยั่งยืนที่มีศักยภาพทั่วประเทศ สอดคล้องกับเป้าหมายในการขยายเครือข่ายการขาย และการส่งมอบรถได้ทั่วโลก
ภายหลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ดีลเลอร์พร้อมจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น VF e34, VF 5, VF 6 และ VF7 รวมถึงสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของ VinFast (วินฟาสต์) อีกด้วย ส่วนกำหนดเวลาเปิดรับจอง, ราคารถ และนโยบายหลังการขายจะประกาศอย่างเป็นทางการภายในปี 2567
Ms. Vu Dang Yen Hang (ฮานาวู) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท วินฟาสต์ ออโต้ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ด้วยความร่วมมือกับดีลเลอร์ เรามีเป้าหมายที่จะส่งมอบรถไฟฟ้าอัจฉริยะ เพื่อการเดินทางอันทันสมัยแก่ผู้ใช้รถชาวไทยให้ได้รับประสบการณ์ที่รื่นรมย์ และสนุกสนาน ข้อตกลงความร่วมมือนี้ นอกจากจะเป็นสร้างการรับรู้ของบริษัทแล้ว แต่ยังเป็นเสมือนสปริงบอร์ด ที่ส่งให้เราเติบโตในตลาดเมืองไทย ด้วยการมอบประสบการณ์ที่ดีจากยานยนต์ไฟฟ้าหลากหลายให้ลูกค้าของเรา”
การขยายเครือข่ายดีลเลอร์ตอกย้ำจุดยืน และความสามารถในการปักหมุดที่มั่นคงของ VinFast (วินฟาสต์) ในประเทศไทย รวมถึงเน้นย้ำศักยภาพการเติบโต และการพัฒนาระบบการขนส่งที่ยั่งยืนให้มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าที่จะขยายตลาดไม่น้อยกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ภายในในปี 2567
นอกเหนือจากตลาดหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา และยุโรปแล้ว ยังได้ก้าวเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียที่รวมถึงอินเดีย, อินโดนีเซีย, ไทย, ฟิลิปปินส์ รวมถึงตะวันออกกลาง และแอฟริกา เพื่อสนับสนุนการเติบโตในตลาดทั่วโลก ซึ่งทางบริษัทเอง ได้กำลังเร่งการก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา และอินเดีย ตลอดจนมีแผนสร้างโรงงานเพิ่มเติมในอินโดนีเซียอีกด้วย