บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถยนต์อเนกประสงค์ SUV รุ่น Toyota Corolla Cross ครั้งแรกของโลกในประเทศไทย เมื่อพ.ศ. 2563 มาพร้อมจุดเด่นในเรื่องการออกแบบภายนอกที่โฉบเฉี่ยว แข็งแกร่ง รับกับภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย กับพื้นที่เก็บสัมภาระซึ่งปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย โดยทั้งหมดทำให้ Toyota Corolla Cross เป็นยนตรกรรมที่ประสบความสำเร็จ และได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวไทยอย่างดี
จนการมาถึงครั้งล่าสุด กับ New Corolla Cross ภายใต้คอนเซ็ปท์ Complete your life “ตอบ…ทุกความหมายชีวิต” ที่มีการปรับปรุงในทุกรุ่นย่อย เพื่อมอบประสบการณ์ในการขับเคลื่อนที่ดียิ่งกว่า เริ่มจากงานดีไซน์ใหม่ ซึ่งเปิดตัวที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกในโลก ประกอบด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Multi-Dimensional Design, ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ LED Crystalized Headlamp และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ Sequential
ทั้งยังเหนือระดับด้วยออพชั่นที่ครบครัน อาทิ หลังคา Panoramic Roof แบบ Frameless พร้อมม่านบังแดดปรับไฟฟ้า, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวาอิสระ ตลอดจนการรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว แบบ HD ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย, ช่องต่อUSB แบบ Type C
รวมถึงโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM และช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA, ระบบช่วยเตือนขณะจอดรถ พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ Parking Support Brake,ระบบแจ้งเตือนเมื่อลมยางผิดปกติ Tire Pressure Monitoring System, กล้องมองรอบคัน Panoramic View Monitor (PVM) 360° View, สัญญาณเตือนกะระยะ ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง, กล้องวิดีโอบันทึกภาพติดรถยนต์, ระบบเบรกมือไฟฟ้า Electronic Parking Brake และระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ Auto Brake Hold เป็นต้น
มร. โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงภาพรวมในการดำเนินธุรกิจของโตโยต้าในปีที่ผ่านมา พร้อมแนะนำแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้ว่า “ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยต้องเผชิญความยากลำบาก และการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทำให้ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยลดลง 9% โดยเฉพาะเซกเมนต์รถกระบะที่ลดลงถึง 32% ในขณะที่ค่ายผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีนได้เข้าสู่ตลาด และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 5% ถึง 11% ซึ่งภายใต้ส่วนแบ่งตลาดดังกล่าว สัดส่วนการขายของรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) เติบโตขึ้นจาก 1% เป็น 10%”
“อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว โตโยต้า ยังคงมีรถหลายรุ่น ได้แก่ Camry, Fortuner, Veloz และ Hiace ที่เป็นผู้นำในเซกเมนต์ต่างๆ นอกจากนี้ Yaris และ Ativ ก็สามารถครองตำแหน่งยอดขายอันดับหนึ่งในเซกเมนต์อีโคคาร์ด้วยส่วนแบ่งตลาด 45% ซึ่งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา สำหรับเซกเมนต์รถเอนกประสงค์ SUV เรากลับมาครองยอดขายสูงสุดในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา หลังจากการแนะนำ Yaris Cross รวมถึง รถกระบะ Hilux Revo ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 40% เป็นสัดส่วนที่สูงสุดนับตั้งแต่ พ.ศ. 2554 เป็นต้นมา ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของ โตโยต้า อยู่ที่ 34.3% สูงที่สุดนับตั้งแต่พ.ศ.2558 และสูงกว่าพ.ศ. 2565 ที่ 0.3% ซึ่งเราต้องขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยที่ได้ให้ความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์จากเราเป็นอย่างดีเสมอมา”
“ทั้งนี้เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า และยานยนต์ไฟฟ้า (BEV) ล้วนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ซึ่ง โตโยต้า ยังคงมุ่งเดินหน้าตามกลยุทธ์ในการเตรียมความพร้อมในหลากหลายแนวทางหรือ Multiple Pathway โดยพิจารณาจากปัจจัยทั้งความหลากหลายของลูกค้า, การใช้งาน ตลอดจนข้อจำกัดในแต่ละภูมิประเทศ อาทิเช่น โครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน, สภาพถนน, ข้อจำกัดทางด้านพลังงาน เป็นต้น หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เรามีความต้องการที่จะเติมเต็มชีวิตของผู้คน และนำมาซึ่งรอยยิ้มของลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นเราจึงเลือกกลยุทธ์ Multiple Pathway ตามปรัชญา Mobility for All โดยที่จะ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” (No One Leaves Behind)”
“ปีที่ผ่านมา ส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV ในประเทศไทยได้เติบโตแบบก้าวกระโดด แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ไฮบริด (HEV) ก็เติบโตขึ้น และยังกลายเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของลูกค้าชาวไทย สำหรับประเภทรถยนต์ขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า ด้วยเหตุผลที่สามารถใช้งานได้จริงอย่างเหมาะสม, ลูกค้ามีความอุ่นใจขณะใช้งาน และยังมีค่าบำรุงรักษาต่ำ รวมไปถึงมีมูลค่าในการขายต่อที่ดี โดยในปีที่แล้ว ส่วนแบ่งตลาดของรถ Hybrid จะอยู่ที่มากกว่า 12% และในไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 17%”
“อีกหนึ่งกระแสสำคัญในประเทศไทยก็คือ ความนิยมในรถยนต์ประเภท SUV เพราะในปีที่แล้วนั้น ส่วนแบ่งตลาดของ SUV เพิ่มขึ้นที่ 38% แม้ว่าตลาดรถยนต์รวมจะหดตัวลง 9% ทั้งนี้เนื่องมาจากประโยชน์ใช้สอยของรถ SUV ที่สามารถตอบสนองรูปแบบการใช้งานอันหลากหลาย ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันในรูปแบบคนเมือง จนถึงการออกไปใช้ชีวิตแบบผจญภัยในช่วงวันหยุด”
“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เพื่อความสำเร็จในประเทศไทยต่อไป และการนำมาซึ่งรอยยิ้มของลูกค้าชาวไทยให้มากขึ้น นี่คือการเปิดตัวรอบ World Premiere ของ New Corolla Cross ที่ได้รับการอัพเกรด เพื่อมอบความพรีเมี่ยมเหนือระดับ ด้วยการออกแบบที่ล้ำสมัย และได้มาตรฐานสเปกที่ต้องการ ซึ่งผมหวังอย่างยิ่งว่า New Corolla Cross จะได้รับการยอมรับจากลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างดีเหมือนดังเช่นเคย”
นาย ณัทธร ศรีนิเวศน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวถึงแนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และจุดเด่นว่า “New Corolla Cross รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2567 มากับการยกระดับดีไซน์ทั้งภายนอก และภายใน พร้อมทั้งปรับปรุงอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย ขณะเดียวกันก็ยังรักษาจุดเด่นของตัวรถ ด้านประสิทธิภาพการขับขี่ และความประหยัดน้ำมันเอาไว้ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าครอบครัวคนรุ่นใหม่”
“ดีไซน์ภายนอก มีการปรับภายใต้คอนเซปต์ Urban x Premium ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่ใช้งานในเมือง เช่น ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ดีไซน์ใหม่แบบ LED Crystalized Headlamp มาพร้อมไฟเลี้ยวด้านหน้า LED แบบ Sequential ดูหรูหรา ล้ำสมัย และให้ทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม ทั้งยังมีไฟท้ายดีไซน์ใหม่, กันชนหน้า และกระจังหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Multi-Dimensional ที่ทำให้ตัวรถดูกว้าง ทันสมัย เสริมความทรงพลัด้วยงล้ออัลลอยสีทูโทน ดีไซน์ใหม่”
“ส่วนภายในก็ปรับเปลี่ยนให้มีความพรีเมี่ยมขึ้น ด้วยสีภายในแบบทูโทน มีทั้งหมด 2 สี คือสีดำ และสีใหม่ Dark Rose ให้ความรู้สึกหรูหรา เหนือระดับ รับกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันทั้ง Frameless Panoramic Roof ขนาดใหญ่ พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า, ระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ พร้อมเบรกมือไฟฟ้า EPB, มาตรวัดแบบ Full Digital พร้อมจอแสดงผลข้อมูลขับขี่ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ปรับการแสดงผลได้หลากหลาย, หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว แบบ HD รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และอุปกรณ์ ชาร์จไฟแบบไร้สาย”
“ด้านความปลอดภัยรุ่น HEV ทุกรุ่นติดตั้งจะระบบ Toyota Safety Sense ที่มาพร้อมกับ Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-speed พร้อม Stop & Go ลดความเร็วจนถึงจุดหยุดนิ่ง และเร่งกลับสู่ระดับที่ตั้งไว้ เมื่อคันหน้าเคลื่อนตัว, กล้องมองรอบคัน PVM ให้ภาพที่เคลียร์ชัด มากับระบบ PKSB ช่วยเตือนขณะจอดรถ และระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ที่ทำให้การจอดรถในทุกทิศทาง 360 องศา ทำได้ง่าย และปลอดภัย ทั้งยังติดตั้งระบบเตือนมุมอับสายตา BSM และช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อยอีกด้วยเช่นกัน”
“สมรรถนะการขับขี่ มากับเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร และเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.8 ลิตร ให้พละกำลังที่เพียงพอต่อการใช้งาน พร้อมอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.3 กม.ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 98 กรัม/กิโลเมตร ในรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด เสริมทัพด้วยโครงสร้างตัวถัง และช่วงล่างที่ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานตัวถัง TNGA ที่ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวล และมั่นใจ”
“ในรุ่นใหม่ มีรุ่นย่อยให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อย และมีสีภายนอกทั้งหมด 5 สี พร้อมกับสีใหม่อย่าง Cement Gray Metallic ที่หรูหรา และทันสมัย ซึ่งด้วยการปรับปรุงในครั้งนี้ เรามั่นใจว่า New Corolla Cross จะสามารถตอบโจทย์ และพร้อมพาลูกค้าทุกท่าน ออกไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ อีกครั้ง”
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวถึงแผนการตลาดว่า “ในปีที่ผ่านมา เราได้มีการแนะนำ Yaris Cross ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เต็มที่ในทุกด้าน และในปีนี้ เพื่อให้ Corolla Cross เป็นยนตรกรรมที่สามารถตอบรูปแบบการใช้ชีวิตของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งเป็น “ผู้บริหาร และครอบครัวรุ่นใหม่” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ New Corolla Cross จึงได้รับการพัฒนาต่อยอดจากรุ่นเดิม ให้ผลิตภัณฑ์สมบูรณ์แบบมากขึ้นในหลายๆ ด้าน”
“New Corolla Cross จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริหาร และครอบครัวรุ่นใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยคอนเซปท์ “Complete your life ตอบ…ทุกความหมายชีวิต” โดยเรามีพรีเซนเตอร์ครอบครัวรุ่นใหม่อซึ่งสะท้อนภาพลักษณ์ของกลุ่มลูกค้า Corolla Cross ที่ใช้เวลาว่างทำกิจกรรมสันทนาการต่างๆกับครอบครัว โดยเราวางเป้าหมายการขายของ New Corolla Cross ไว้ที่ 1,500 คันต่อเดือน และจะเริ่มส่งมอบได้ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป”
New Corolla Cross มาพร้อมทางเลือกสีภายนอก 5 สี และสีภายใน 2 สี
รุ่น HEV Premium Luxury, HEV Premium และ 1.8 Sport Plus
- ใหม่! สีเทา Cement Gray Metallic
- สีเทา Celestite Gray Metallic
- สีขาว Platinum White Pearl
- สีเงิน Metal Stream Metallic
- สีดำ Attitude Black Mica
รุ่น HEV GR Sport
- สีขาว Platinum White Pearl พร้อมหลังคาดำ
- สีแดง Red Mica Metallic พร้อมหลังคาดำ
- สีดำ Attitude Black Mica
สีภายใน
- ใหม่! สี Dark Rose เฉพาะรุ่น HEV Premium Luxury / HEV Premium ที่สีภายนอก คือ สีขาว Platinum White Pearl, สีเทา Celestite Gray Metallic, สีดำ Attitude Black Mica
- สี Black เฉพาะรุ่น HEV Premium Luxury / HEV Premium ที่สีภายนอก คือ สีเทา Cement Gray Metallic และ สีเงิน Metal Stream Metallic และรุ่น 1.8 Sport Plus
- สี GR Sport Black เฉพาะรุ่น GR Sport
ราคาจำหน่ายรุ่นเครื่องยนต์ Hybrid เกียร์อัตโนมัติ
- HEV GR Sport ราคา 1,254,000 บาท**
- HEV Premium Luxury ราคา 1,204,000 บาท**
- HEV Premium ราคา 1,094,000 บาท**
ราคาจำหน่ายรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เกียร์อัตโนมัติ
- 1.8 Sport Plus ราคา 999,000 บาท**
*สำหรับสีพิเศษ
- รุ่น GR Sport สีขาว Platinum White Pearl พร้อมหลังคาสีดำ เพิ่ม 15,000 บาท, สีแดง Red Mica Metallic พร้อมหลังคาสีดำ เพิ่ม 10,000 บาท
- รุ่น HEV Premium Luxury, HEV Premium, 1.8 Sport Plus สีขาว Platinum White Pearl และสีเทา Cement Gray Metallic เพิ่ม 10,000 บาท
**ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน รวมเครื่องปรับอากาศและภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด