ในขณะที่ผู้ผลิต รถยนต์ บางรายกำลังเลิกใช้ Apple CarPlay และหันไปใช้โซลูชันที่ติดตั้งมาในตัว แต่ผู้ผลิตบางรายก็หันมาใช้เทคโนโลยีบูรณาการสมาร์ตโฟนที่ว่านี้ เช่น Porsche
หนึ่งในผู้ที่ใช้เทคโนโลยีนี้คือ Porsche ซึ่งกลายเป็นผู้ผลิต รถยนต์ รายแรกที่ให้ผู้ใช้ควบคุมฟังก์ชันบางอย่างของยานพาหนะด้วย Apple CarPlay และนั่นหมายความว่าผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องออกจากอินเทอร์เฟซของ CarPlay เพื่อปรับการตั้งค่ายานพาหนะอีกต่อไป
ขณะนี้การเข้าถึงแอป My Porsche สามารถทำได้ผ่าน CarPlay และด้วยแอปดังกล่าว ผู้ใช้ CarPlay สามารถใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ได้เลย เช่น การปรับการตั้งค่าเสียง, สถานีวิทยุ, ระบบควบคุมอุณหภูมิ และแสงไฟโดยรอบ ซึ่งแน่นอนว่าฟังก์ชันหลายอย่างสามารถควบคุมได้โดยใช้ผู้ช่วยเสียง Siri ของ Apple แต่ผู้ใช่จำเป็นต้องอัปเดตเป็น Porsche เวอร์ชัน 6.0 ขึ้นไป
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือคุณสมบัติแดชบอร์ดบอกประสิทธิภาพที่ผู้ใช้ CarPlay สามารถใช้ตรวจสอบข้อมูลประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์ เช่น ความเร็วสูงสุด, ความเร็วเฉลี่ย, ระยะทางที่เดินทาง และอื่น ๆ
การใช้ Apple Maps ใน CarPlay ยังคำนึงถึงข้อมูลเฉพาะของรถยนต์ไฟฟ้า และดำเนินการกำหนดเส้นทางที่ถูกปรับให้เหมาะสมในการเดินทาง การกำหนดเส้นทางจะพิจารณาสถานะการชาร์จของยานพาหนะตลอดจนการเปลี่ยนแปลงระดับความสูงในการเดินทางและปัจจัยอื่น ๆ เพื่อแนะนำตำแหน่งการชาร์จที่เหมาะสมและเวลาในการชาร์จโดยประมาณ
แอป My Porsche ยังมีฟังก์ชันสำหรับผู้ใช้ Apple Watch อีกด้วย โดยผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลยานพาหนะจากระยะไกล ปรับการตั้งค่าสภาพอากาศ ตลอดจนล็อคและปลดล็อคยานพาหนะได้
Porsche ได้ทำการอัปเกรดเพิ่มเติมเป็นแอป My Porsche ผู้ใช้ที่ไม่ได้ใช้ Apple ก็สามารถรับประโยชน์ได้เช่นกัน ซึ่งรวมถึงหน้าจอหลักที่เรียบง่าย มีฟังก์ชันการทำงานที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณ Quick Actions ใหม่ที่ทำให้เข้าถึงคุณสมบัติที่ใช้บ่อยได้โดยตรง
การบูรณาการระหว่างรถยนต์และ CarPlay อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นได้รับการวางแผนสำหรับระบบการรวมสมาร์ตโฟนเวอร์ชันถัดไป โดยจะขยายออกไปมากกว่าหน้าจออินโฟเทนเมนต์เพื่อรวมกลุ่มมาตรวัดดิจิทัลด้วย คาดว่า Porsche และ Aston Martin จะเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่สามารถใช้งานร่วมกับระบบนี้ได้
อ้างอิง Motor Authority