Porsche เปิดตัว 911 GT3 RS นำทัพเหล่ารถสปอร์ตในงานบางกอก มอเตอร์โชว์

หลังจากฉลองครบรอบ 30 ปี ของปอร์เช่ ประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา ปอร์เช่ได้นำทัพยนตรกรรมสปอร์ตมาสร้างความตื่นตาตื่นใจอีกครั้ง บนเวทีงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 จัดขึ้นระหว่างวันพุธที่ 27 มีนาคม ถึงวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2567 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อให้แฟนๆ ปอร์เช่และลูกค้าได้สัมผัสรถสปอร์ตในฝันอย่างใกล้ชิด

911 GT3 RS ออกแบบมาเพื่อถ่ายทอดสมรรถนะสูงสุด

ในส่วนพื้นที่จัดแสดงยนตรกรรมสปอร์ตปอร์เช่ทั้ง 12 คัน หนึ่งในไฮไลท์อันโดดเด่นคือ Porsche 911 GT3 RS รถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่ถ่ายทอด DNA ของรถแข่งปอร์เช่อย่างแท้จริง ที่สุดแห่งยนตรกรรมคันนี้ได้เผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้รูปลักษณ์อันดุดัน และตอกย้ำถึงการออกแบบที่มุ่งเน้นไปที่สมรรถนะอันสูงสุด มาพร้อมพละกำลังอันทรงพลัง 386 กิโลวัตต์ (525 แรงม้า) ถ่ายทอดเทคโนโลยีและแนวคิดจากมอเตอร์สปอร์ตอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยเครื่องยนต์ที่หมุนรอบสูงตามธรรมชาติ ผสานกับโครงสร้างน้ำหนักเบาอัจฉริยะ พร้อมความเหนือชั้นด้วยระบบระบายความร้อนและแอโรไดนามิกของ 911 GT3 RS ที่มี DNA จากมอเตอร์สปอร์ตอย่าง 911 GT3 R

ระบบระบายความร้อนของ 911 GT3 RS นั้นมีความพิเศษกว่ารถสปอร์ตทั่วไป โดยใช้คอนเซปต์การวางหม้อน้ำไว้กลางตัวรถ เพื่อช่วยกระจายความร้อนได้ทั่วถึงทั้งเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้เย็นลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้อากาศไหลเวียนผ่านเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น และ ช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถ ทำให้รถควบคุมได้ดีขึ้นซึ่งเปนนวัตกรรมมาจากรถแข่งรุ่นพี่อย่าง 911 RSR ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันเลอม็องส์ (Le Mans) และต่อมาใน 911 GT3 R แนวคิดนี้ละทิ้งวิธีการแบบดั้งเดิมคือใช้หม้อน้ำแบบ 3 ใบ และหันมาใช้หม้อน้ำขนาดใหญ่เพียงใบเดียว วางทำมุมตรงจมูกรถ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ช่องเก็บสัมภาระของ 911 สำหรับรุ่นอื่นๆ การออกแบบวิธีนี้ช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างด้านข้าง ช่วยให้สามารถติดตั้งองค์ประกอบแอโรไดนามิกได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จากเทคโนโลยีระบบแอโรไดนามิกที่ล้ำสมัย องค์ประกอบของช่องรับลมด้านหน้าและด้านหลังสามารถปรับได้ ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกันองค์ประกอบเหล่านี้สามารถสร้างแรงกดมหาศาลที่ 409 กิโลกรัม ณ ความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ 911 GT3 RS ใหม่ สามารถสร้างแรงกด (Downforce) ได้มากเป็น 2 เท่าของรุ่นก่อนหน้าอย่าง 991.2 และมากเป็น 3 เท่าจากรุ่น 911 GT3 ที่ความเร็ว 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีแรงกดรวมถึง 860 กิโลกรัม

เป็นครั้งแรกที่ปอร์เช่ ได้ติดตั้งระบบลดแรงต้าน Drag Reduction System (DRS) เพื่อตอบโจทย์ในการขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูงในเส้นทางตรงของสนามแข่ง ระบบ Drag Reduction System (DRS) นั้นจะทำให้ช่องลม เป็นแนวระนาบทันทีที่กดปุ่ม ในช่วงการทำงานที่กำหนดไว้ เมื่อมีการเบรกในขณะที่ใช้ความเร็วสูง จะมีฟังก์ชั่นพิเศษเข้ามาช่วย โดยการเปิดช่องลมด้านหน้าและด้านหลังให้กว้างที่สุด เพื่อที่จะลดแอโรไดนามิก ส่งผลให้การทำงานของเบรกมีประสิทธิภาพมากขึ้น

911 GT3 RS มาพร้อมกับการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ Normal, Sport และ Track และสำหรับโหมด Track สามารถปรับ Setting ระบบต่าง ๆ แยกกันได้ หนึ่งในนั้นคือ ระบบช่วงล่าง ด้านหน้า และด้านหลัง สามารถปรับแต่งให้ต่างกันได้ ในส่วนของระบบเฟืองท้าย สามารถปรับได้โดยการควบคุมผ่านสวิตซ์ควบคุมแบบหมุนที่พวงมาลัย การทำงานถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการออกแบบที่พัฒนามาจาก มอเตอร์สปอร์ต ซึ่งบนพวงมาลัยจะถูกติดตั้งด้วยปุ่มควบคุมแบบหมุน 4 ตัว และปุ่มกด Drag Reduction System (DRS) หรือเรียกว่าปุ่มระบบลดแรงต้าน

เครื่องยนต์ชนิดรอบจัด ขนาด 4.0 ลิตร แบบไม่มีระบบอัดอากาศ ที่ออกแบบมาอย่างลงตัวกับ 911 GT3 สามารถสร้างแรงม้าได้สูงถึง 386 kW (525 PS) โดยมีการออกแบบ รูปแบบของเพลาลูกเบี้ยวใหม่, ท่อร่วมไอดีแบบแยกเดี่ยว และวาล์วไอดี ที่ถ่ายถอดการออกแบบมาจากสนามแข่งมอเตอร์สปอร์ต ระบบเกียร์ PDK 7 สปีด มีอัตราทดเกียร์โดยรวมสั้นกว่า 911 GT3 และช่องอากาศเข้าที่ใต้ท้องรถช่วยให้แน่ใจว่าระบบส่งกำลังสามารถรับน้ำหนักได้มาก แม้ในระหว่างการใช้งานบนสนามแข่งอย่างหนักหน่วง 911 GT3 RS สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลา 3.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 296 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

โครงสร้างน้ำหนักเบาอัจฉริยะถือเป็นหลักการพื้นฐานของรุ่น RS ทุกรุ่นนับตั้งแต่ 911 Carrera RS 2.7 ในตำนาน ด้วยกลยุทธ์การลดน้ำหนักที่หลากหลาย เช่น การใช้วัสดุ CFRP แทนชิ้นส่วนต่างๆ ในรถหลากหลายชิ้น ทำให้ลดน้ำหนัก 911 GT3 RS ลงเหลือเพียง 1,450 ถึงแม้จะมีส่วนประกอบที่ใหญ่อยู่มากก็ตาม เช่น ประตู ปีกหน้า หลังคา และฝากระโปรงหน้า ก็ได้ผลิตจากวัสดุ CFRP เช่นกัน และนอกจากนี้วัสดุ CFRP ยังถูกนำมาใช้ภายในห้องโดยสารด้วย เช่น เบาะนั่งมาตรฐานแบบ full bucket

ปอร์เช่ ร่วมเติมเต็มทุกความต้องการด้วยการนำรถยนต์หลากหลายรุ่นมาปรากฏโฉมในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

เพื่อเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ปอร์เช่ได้นำเสนอรถยนต์หลากหลายรุ่นเท่าที่เคยมีมา ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ตั้งแต่รถสปอร์ต 2 ประตูอันแสนปราดเปรียว อย่าง รุ่น 911 และ 718 และรถสปอร์ต 4 ประตูที่มีสไตล์อย่าง ปานาเมร่า (Panamera) และ ทายคาน (Taycan) รวมทั้ง กาเยนน์ (Cayenne) และมาจาน (Macan) รถเอสยูวี (SUV) สายลุย เพื่อให้แฟนๆ และลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าสามารถสัมผัสรถสปอร์ตในฝันได้ที่บูธของปอร์เช่ ประเทศไทย

Porsche Macan รถสปอร์ตกลุ่ม SUV ขนาดกะทัดรัด

ด้วยสมรรถนะที่ปราดเปรียว การออกแบบที่เฉียบคม ทำให้ Porsche Macan ทุกรุ่นได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ในฐานะรถสปอร์ตกลุ่มรถ SUV ขนาดกะทัดรัด และในฐานะรถสปอร์ตรุ่นเรือธง ของ Compact SUV ที่ประสบความสำเร็จอย่าง Macan GTS ก็ได้อยู่ในอันดับต้นๆ ของรถกลุ่มนี้ ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ V6 ขนาด 2.9 ลิตร ให้กำลัง 440 แรงม้า พร้อมการตอบสนองและการส่งกำลังตามแบบฉบับของรถยนต์ Porsche GTS อัตราเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 4.3 วินาที เมื่อติดตั้งแพ็คเกจ Sport Chrono และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 272 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Macan S มาพร้อมกับเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ V6 ขนาด 2.9 ลิตร ที่ให้พละกำลังถึง 380 แรงม้า สามารถขับเคลื่อนนับจากการหยุดนิ่งไปที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพียง 4.6 วินาที ความเร็วสูงสุดทำได้ถึง 259 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และรุ่นเริ่มต้นของ Macan เริ่มจากเครื่องยนต์เทอร์โบ 4 สูบ ชาร์จกำลัง 195 กิโลวัตต์ (265 แรงม้า) ทำอัตราเร่งมาตรฐาน 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 6.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 232 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์ทั้งหมดทำงานควบคู่กับระบบส่งกำลังคลัตช์คู่ (PDK) ของ Porsche 7 สปีด และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Porsche Traction Management (PTM)

Soul, Electrified. Porsche Taycan

Porsche Taycan เปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 และยังคงสร้างความประทับใจอย่างต่อเนื่องด้วยดีไซน์ที่ล้ำสมัยและสมรรถนะอันเฉียบคม รถสปอร์ตซาลูน 4 ประตู คันนี้ ผสมผสานความเป็นปอร์เช่ที่แท้จริงเข้ากับดีไซน์เหนือกาลเวลา พร้อมใช้งานได้อย่างลงตัวในชีวิตประจำวัน Porsche Taycan ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกจากสายการผลิตของปอร์เช่ ที่ใช้ระบบไฟฟ้าแรงดันสูง 800 โวลต์ แทนที่จะเป็น 400 โวลต์ทั่วไป ช่วยให้สามารถชาร์จพลังงานจาก 5 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ SoC (State of Charge) ได้ภายในเวลาเพียง 22.5 นาที ภายใต้สภาวะที่เหมาะสม โดยใช้เครื่องชาร์จพลังงานไฟฟ้าสูง หรือเพียงชาร์จ 10 นาที ก็สามารถวิ่งได้ไกลถึง 100 กิโลเมตร

นอกจากนี้ ปอร์เช่ ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนา พร้อมนำเสนอ Taycan Cross Turismo สมาชิกใหม่ล่าสุดในตระกูลไทคานน์ ที่มอบความอเนกประสงค์เหนือชั้น อย่างตัวถังไฮเทคใหม่ ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และระบบกันสะเทือนแบบถุงลมแบบปรับได้ เหมาะสำหรับการขับขี่บนทุกสภาพถนนรวมถึงเส้นทางออฟโรด การเพิ่มพื้นที่เหนือศีรษะสำหรับผู้โดยสารเบาะหลังสูงสุด 47 มิลลิเมตร และความจุในการบรรทุกที่มากกว่า 1,200 ลิตร ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ในส่วนของประตูท้ายขนาดใหญ่ กลายเป็นรถที่ตอบโจทย์รอบด้านอย่างแท้จริง รุ่น Turbo สามารถสร้างพละกำลังได้สูงสุดถึง 680 แรงม้า โอเวอร์บูสต์ผสมผสานกับ Launch Control เร่งจาก 0 ไป 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 3.3 วินาที

Porsche Panamera สุดยอดแห่งสไตล์ สมรรถนะอันทรงพลัง และความสะดวกสบาย

การผสมผสานที่ลงตัวของ Porsche Panamera มอบประสบการณ์อันเหนือชั้น ผสมผสานความลงตัวระหว่างสมรรถนะของรถสปอร์ตชั้นนำ กับความสะดวกสบายเหนือระดับของรถซาลูนสุดหรู ในฐานะผู้บุกเบิกเทคโนโลยีไฮบริด ปอร์เช่ยังคงดำเนินกลยุทธ์ E-Performance ด้วยรถรุ่น Panamera E-Hybrid ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ากับเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ V6 ขนาด 2.9 ลิตร กำลัง 243 กิโลวัตต์ (330 แรงม้า) ส่งผลให้ระบบขับเคลื่อนมีพลังรวม 340 กิโลวัตต์ (462 แรงม้า) Panamera มอบทั้งความสะดวกสบายและความสปอร์ต ได้ประโยชน์มาจากส่วนประกอบแชสซีตัวถังและระบบควบคุมที่ได้รับการปรับปรุง ผสมผสานกับระบบควบคุมพวงมาลัยและยางรุ่นใหม่

นอกจากนี้ ปอร์เช่ยังนำเสนอ Panamera Platinum Edition ที่นำเสนอความพิเศษเฉพาะตัว ด้วยการตกแต่งภายในแบบซาติน กลอส แพลตตินัม ผสมผสานกับอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครัน ยกระดับความหรูหราเหนือระดับ

ปอร์เช่ ประเทศไทย มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น ด้วย Manthey Performance Kit

ปอร์เช่ ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น และเป็นรายแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เปิดตัวชุดแต่งเสริมสมรรถนะ Manthey Performance Kit สำหรับ 911 GT3 ซึ่งพิสูจน์ความเหนือชั้นด้วยการลดเวลาต่อรอบบนสนาม Nürburgring Nordschleife (เนือร์บวร์กริง นอร์ดชไลเฟ่อ) ลงได้ถึง 4.19 วินาที เมื่อเปรียบเทียบกับ 911 GT3 รุ่นมาตรฐาน ปอร์เช่ ประเทศไทย ยังได้ขยายขีดจำกัดด้านสมรรถนะไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวชุดแต่ง Manthey สำหรับ 718 Cayman GT4 RS การอัพเกรดที่เหมาะสำหรับทั้งบนถนนและในสนามแข่ง ปลดล็อกศักยภาพอันน่าทึ่ง สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของปอร์เช่ ประเทศไทย ในการสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น โดยปอร์เช่ได้พัฒนาโดยความร่วมมือกับ Manthey-Racing ส่งผลให้ใช้เวลาบนสนาม Nürburgring Nordschleife เร็วขึ้น 6.179 วินาที เมื่อเทียบกับรุ่นมาตรฐาน 718 Cayman GT4 RS

Porsche (AAS Group)