OMODA & JAECOO ลุยตั้งฐานผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ระดับโลกในอาเซียน … Kick Off โรงงานแรกที่มาเลเซีย

OMODA & JAECOO เปิดตัวฐานการผลิตรถยนต์แห่งใหม่ ในประเทศมาเลเซีย และเปิดตัวรถยนต์ JAECOO 7 รถยนต์ออฟโรดระดับไฮเอนด์คันแรกที่ผลิตในโรงงานดังกล่าว โดยโรงงานของ OMODA & JAECOO นี้ ตั้งอยู่ใน เมือง สลังงอร์ (Selangor) เมืองหลวงของ รัฐ สลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย ที่ถือเป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมรถยนต์ และเป็นเมืองศูนย์กลางของการคมนาคมของมาเลเซีย

สำหรับการเปิดตัวรถยนต์พลังงานใหม่ JAECOO 7 ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์ระดับโลกของ OMODA & JAECOO ตอกย้ำความมุ่งมั่นหลักการ “In Somewhere for Somewhere” และการพัฒนาในระยะยาวในตลาดระดับภูมิภาค

โดยในงานเปิดตัวดังกล่าว ได้รับเกียรติจาก นาย Tengku Zafrul รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนการค้า และอุตสาหกรรมมาเลเซีย (Ministry of Investment, Trade and Industry of Malaysia: MITI) และ นาย Jin Zhuanglongรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (Minister of Industry and Information Technology of China) พร้อมด้วย นาย Yin Tongyue ประธาน Chery Automobile นักการเมือง และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของมาเลเซีย ผู้แทนจำหน่ายพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ และสื่อมวลชนของมาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยานในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นี้

นาย Yin Tongyue ประธาน Chery Automobile กล่าวว่า มาเลเซียเป็นตลาดเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของ OMODA & JAECOO โดยมีเป้าหมายหลัก คือ การเติบโตร่วมกันกับพันธมิตร และลูกค้าของแบรนด์ OMODA & JAECOO จะเดินหน้าสร้างเครือข่ายการบริการที่แข็งแกร่ง ร่วมกับพันธมิตรผู้แทนจำหน่ายในมาเลเซีย เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ผ่านเทคโนโลยียนตรกรรม และการบริการที่เป็นเลิศ สนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ขั้นสูงที่มีคุณภาพ ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในมาเลเซีย ผ่านการแบ่งปันความได้เปรียบ ด้านทรัพยากรของระบบระดับโลกของแบรนด์เราสู่ท้องถิ่น

ฐานการผลิตรถยนต์ของ OMODA & JAECOO ใน เมือง สลังงอร์ ประเทศ มาเลเซีย ตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมSeremban ซึ่งถือเป็นที่ตั้งที่ได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ใกล้กับ “ท่าเรือกลัง” ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อำนวยความสะดวกได้อย่างดีเยี่ยม ในการส่งออกผลิตภัณฑ์ในอนาคต สำหรับการเปิดตัวรถยนต์ JAECOO 7 รุ่นแรกที่ผลิตโดยโรงงานนี้แสดงให้เห็นว่ามาเลเซียจะกลายเป็นตลาดแรกในภูมิภาคอาเซียนที่ OMODA & JAECOO ประสบความสำเร็จในการผลิตโมเดล ออฟโรด พลังงานใหม่ ระดับไฮเอนด์ นอกประเทศจีน

ในงานเปิดตัวครั้งนี้ แขกผู้มีเกียรติได้เยี่ยมชมการผลิตอัจฉริยะของโรงงาน ซึ่งใช้ระบบอัตโนมัติเทคโนโลยีขั้นสูง และระบบควบคุมคุณภาพที่ซับซ้อนของสายการผลิตรถยนต์ JAECOO 7 ซึ่งได้รับการยกย่องในฐานะรถ SUV ออฟโรด ระดับไฮเอนด์ รุ่นแรก ที่สร้างสรรค์ โดยแบรนด์ JAECOO

นอกจากนี้ ยังแสดงถึงศักยภาพของ OMODA & JAECOO ในตลาดกลุ่มรถยนต์ออฟโรดระดับโลก และการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ JAECOO 7 ในประเทศมาเลเซีย ที่จะเปิดตัวในเดือนกรกฎาคม ทะลุกรอบสมรรถนะของรถยนต์ ออฟโรดแบบดั้งเดิม ด้วยการผสมผสานมรดกทางเทคนิคดั้งเดิม เข้ากับนวัตกรรมอัจฉริยะแห่งอนาคต ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ชาวมาเลเซีย ก้าวสู่ยุคใหม่ของนวัตกรรมยานยนต์อย่างไม่เกรงกลัวใคร

อย่างไรก็ดี OMODA & JAECOO มุ่งตอบสนองแผนการพัฒนาที่ยั่งยืนของมาเลเซียอย่างยิ่งยวด รับการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคแห่งพลังงานไฟฟ้า พร้อมช่วยยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์สีเขียวในมาเลเซีย ซึ่งในงาน Malaysia Auto Show ที่ผ่านมา JAECOO ได้เผยโฉมไลน์อัพรถยนต์พลังงานใหม่หลากหลายรุ่น เสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ท่ามกลางการแข่งขัน นำโดยโมเดลรุ่นตำนานอย่าง JAECOO 7 PHEV และ JAECOO 6 ออฟโรดพลังงานไฟฟ้า 100%

OMODA & JAECOO ส่งผ่านแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยคอนเซ็ปต์ “พลังงานใหม่ ระบบนิเวศใหม่ แห่งยุคใหม่” ที่ยึดมั่นสู่การพัฒนาโรงงานใน สลังงอร์ โดยโรงงานแห่งนี้ จะรองรับการผลิตส่วนประกอบหลักของรถยนต์ได้มากขึ้น และยังร่วมมือกับซัพพลายเออร์ของประเทศมาเลเซียในทุกด้าน เพื่อสร้างระบบนิเวศห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์มาเลเซีย ไปถึงเป้าหมายอย่างเต็มรูปแบบ กลยุทธ์เหล่านี้ จะทำให้ผู้บริโภคชาวมาเลเซียได้ขับขี่รถยนต์พลังงานใหม่ที่โดดเด่นอัจฉริยะ และนำไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ต่อไป

สำหรับปีนี้ OMODA & JAECOO ถือเป็นปีที่เต็มไปด้วยโอกาสท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดยานยนต์โลก การตัดสินใจสร้างฐานผลิตรถยนต์แห่งแรกในภูมิภาคอาเซียนในประเทศมาเลเซีย แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญของแบรนด์ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจไปทั่วโลก โดยประเทศมาเลเซีย มีศักยภาพทางการตลาดอย่างมาก ในฐานะเป็นประเทศที่มีตลาดยานยนต์ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในอาเซียน รองจาก ประเทศไทย และอินโดนีเซีย ตลอดจนมีแบรนด์รถยนต์ของตัวเอง

ในปัจจุบัน ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในภูมิภาค ประกอบกับมาเลเซียมีรากฐานการผลิตยานยนต์ที่ค่อนข้างเติบโต ทำให้มาเลเซียเป็นจุดหมายเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ สำหรับการพัฒนาระดับโลกของ OMODA & JAECOO ซึ่งการเปิดโรงงานในมาเลเซียนี้ จะเป็นสะพานเชื่อมการแสวงหาการพัฒนาร่วมกันที่กว้างขึ้นในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และช่วยผลักดันให้ OMODA & JAECOO ขยายแนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย “คุณภาพ และมาตรฐานระดับโลก” อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของผู้ขับขี่ทั่วโล

OMODA & JAECOO วางวิสัยทัศน์การพัฒนาด้วยมุมมองระยะยาวในระดับโลกมาโดยตลอด ผ่านการผสานจุดแข็งทั้งด้านระบบบริหารจัดการ ทรัพยากร และเทคโนโลยี ที่จะส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ และห่วงโซ่อุตสาหกรรมในหลายประเทศที่เข้าไปขยายตลาด และทำให้แบรนด์ได้รับความสนใจในระดับโลกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ระดับโลกได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ในการวิจัย และพัฒนากระบวนผลิต OMODA & JAECOO มุ่งตอบสนองต้องการการใช้งานรถยนต์ที่แตกต่างกันของตลาดแต่ละพื้นที่ ผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยีระดับโลก โดยโรงงานของ OMODA & JAECOO มีการใช้เทคโนโลยีช่วยในการผลิต เพื่อให้ได้มาตรฐานที่แม่นยำ และมีการจัดตั้งหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศต่างๆ ที่เข้าไปดำเนินการ นอกเหนือจากการเริ่มผลิตที่โรงงานในมาเลเซียแล้ว OMODA & JAECOO ยังได้เริ่มดำเนินการผลิตในโรงงานแห่งแรกในยุโรปที่ประเทศสเปนด้วยเช่นกัน

นอกจากการพัฒนาเทคโนโลยียนตรกรรมแห่งอนาคตแล้ว OMODA ยังให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายการขาย และการบริการหลังการขายในทุกๆ ตลาดทั่วโลก บริษัทฯ ได้จัดตั้งคลังอะไหล่ในภูมิภาคต่างๆ อาทิ เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ เพื่อให้มั่นใจถึงความพร้อมในการให้บริการหลังการขาย ในขณะเดียวกันรถยนต์ของแบรนด์จะได้อัพเกรด และเพิ่มประสิทธิภาพการรับประกันอะไหล่ รวมถึงการสนับสนุนช่วยเหลือผู้ขับขี่ทางเทคนิค เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ประทับใจกับแบรนด์ให้กับผู้ขับขี่อย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน OMODA & JAECOO ทำการตลาดในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดยมียอดจำหน่ายสะสมทั่วโลกกว่า 240,000คัน ทำให้ OMODA & JAECOO เป็นแบรนด์ส่วนบุคคลที่เติบโตเร็วที่สุดในตลาดยานยนต์โลก และในอนาคต OMODA & JAECOO มุ่งมั่นดำเนินกลยุทธ์การขยายธุรกิจไปสู่สากล โดยผสมผสานระหว่าง“การจัดการทรัพยากรทั่วโลกให้มีประสิทธิภาพ” และ “การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในพื้นที่” ควบคู่ต่อเนื่อง พร้อมส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงสู่การใช้พลังงานใหม่ และการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก

สำหรับประเทศไทย โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้วางแผนลงทุนก่อสร้าง และได้รับการอนุมัติการก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment : BOI) หรือ บีโอไอ ซึ่งจะเกิดขึ้นในปี 2568 โรงงานฯ ดังกล่าวนี้ ในเฟสแรกจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบแบตเตอรี่ (BEV) และไฮบริด (HEV) โดยมีเป้าหมาย 50,000 คันต่อปี และในเฟสที่สอง ภายในปี 2571 จะขยายกำลังการผลิต 80,000 คันต่อปี เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศ และส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน, ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง โดย บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ตั้งเป้าหมายมุ่งยกระดับให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้