MINI Thailand ปลุกนิยามใหม่แห่งยนตรกรรมไฟฟ้าในไทย เปิดตัว 4 รุ่นใหม่ เปิดโลกดิจิทัล สุดล้ำ เสริมความเร้าใจด้วยลุคใหม่ สุดไอคอนิก

MINI Thailand เหยียบคันเร่งเต็มสปีดเข้าสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ลุยเปิดตัว MINI ใหม่
ล่าสุด ในเจเนอเรชั๋นที่ 5 แบบครบเครื่อง ทั้งความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดีไซน์สไตล์มินิมอลที่สอดรับกับ
ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล และสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ ตอบโจทย์นักขับทุกสไตล์

ทั้งยังต่อยอดพันธกิจของแบรนด์ในการเปลี่ยนผ่านสู่ตลาดยนตรกรรมไฟฟ้าแบบเต็มตัวภายในปี 2030 นำทัพโดย The new MINI Cooper SE พลิกประวัติศาสตร์ของความสนุกบนท้องถนนกว่า 60 ปี พร้อมโลดแล่นสร้างสีสันอีกครั้งในรูปโฉมใหม่ที่ขับสนุกไม่แพ้กัน

นอกจาก The new MINI Cooper SE ในรุ่น 3 ประตูแล้ว ยังเปิดตัวอีก 2 รุ่นในตระกูล Countryman ที่ใหญ่ขึ้นในทุกมิติ เอาใจสายแอดเวนเจอร์กับ The new MINI Countryman SE ในระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 100% เป็นครั้งแรก พร้อมด้วย The new MINI John Cooper Works Countryman ใหม่ล่าสุดของ Crossover ตัวแรงสำหรับสายสปอร์ตผจญภัยที่แฟนๆ ชื่นชอบ

และ MINI Thailand ยังได้เผยโฉม The new MINI Aceman SE ใหม่ สู่แฟน ๆ ชาวไทยเป็นครั้งแรกกับสมาชิกใหม่ของแบรนด์ในรูปแบบ Compact Crossover พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ผสมผสานความรู้สึกการขับขี่แบบ “Go-Kart Feeling” ในสไตล์มินิ เข้ากับความคล่องตัวแบบสารพัดประโยชน์ โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์การดีไซน์ที่แปลกใหม่จากทุกมุมมอง

คุณ ประภัสรา อร่ามวงศ์สมุทร ผู้อำนวยการ MINI Thailand กล่าวว่า “หลังจากที่แฟนๆ รอคอยกันมาพักใหญ่ วันนี้เราตื่นเต้นมากที่ได้นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ MINI กลับมาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้ง ซึ่งรุ่นก่อนหน้าก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากลูกค้าในไทยจนขายหมดไปเมื่อปี 2566 ในครั้งนี้ The new MINI Cooper SE ใหม่ ได้กลับมาอีกครั้งในเจเนอเรชั่นที่ 5 และจะมาปฏิวัติวงการยานยนต์ไฟฟ้าของไทยด้วยดีไซน์มินิมอลสุดล้ำ ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบรับยุคดิจิทัล และสมรรถนะการขับขี่ที่ยังคงความสนุก เร้าใจด้วยสไตล์การขับขี่แบบโกคาร์ท อันเป็นเอกลักษณ์ของมินิเอาไว้อย่างครบถ้วน

รถยนต์เจเนอเรชั่นใหม่ของ MINI ทุกรุ่น นับเป็นการผสมผสานงานออกแบบ และความสนุกในการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ เพื่อมอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยม และยั่งยืนให้กับทั้งแฟนๆ ที่ติดตาม MINI มาอย่างยาวนาน รวมถึงลูกค้าใหม่ที่ต้องการจะก้าวเข้าสู่โลกของ MINI เป็นครั้งแรก ซึ่ง MINI เจเนอเรชั่นใหม่ ยังไม่ละทิ้งคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของแบรนด์ พร้อมทั้งยังส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับตัวรถ ผ่านทางนวัตกรรมดิจิทัลต่างๆ มากมาย ให้แก่ผู้ขับขี่ทั้งขณะที่ใช้งานในตัวรถ และเมื่อต้องการสื่อสารกับตัวรถขณะอยู่นอกห้องโดยสารอีกด้วย”

The new MINI Cooper SE ราคาจำหน่าย : 1,699,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา MSI Standard 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)

The new MINI Cooper SE ในเจเนอเรชั่นที่ 5 นี้ได้นำดีไซน์ดีเอ็นเอดั้งเดิมของความเป็น MINI มาผสมผสานเข้านวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า 100% กับเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่างลงตัว ต่อยอดประสบการณ์การขับขี่ในรูปแบบ “Electrified Go-Kart” ที่ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับนักขับมาแล้วทั่วโลก ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ในแบบมินิมอลสุดล้ำ และนวัตกรรมดิจิทัลที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น สำหรับทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ซึ่งตัวถังของ MINI เจเนอเรชั่นใหม่นี้ ได้รับการออกแบบมาสำหรับระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ และมีการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตรเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

ดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่ทรงเสน่ห์

เมื่อแรกเห็น The new MINI Cooper SE จะรู้สึกได้ถึงความโดดเด่นสะดุดตาจากงานออกแบบใหม่ ตามแนวคิด “ความเรียบง่ายอันทรงเสน่ห์” ที่แม้จะดูเปลี่ยนไปตามนิยามใหม่ แต่ยังคงรักษาองค์ประกอบอันเป็นเอกลักษณ์เอาไว้อย่างครบถ้วน ทั้งส่วนหน้ารถที่สั้น ฐานล้อยาว และล้อขนาดใหญ่ ที่เติมบุคลิกความสปอร์ตแบบเต็มพิกัด

ในขณะที่โฉมใหม่ในสไตล์มินิมอลของ The new MINI Cooper SE รุ่นนี้ยังสามารถสังเกตเห็นได้จากมือจับประตูที่กลมกลืนกับพื้นผิวของตัวรถ เช่นเดียวกับซุ้มล้อ และขอบด้านข้างรถ ที่เสมอกับผิวตัวถังรอบคัน ซึ่งเป็นไปตามแบบฉบับของมินิรุ่นคลาสสิก ทำให้รถดูมีขนาดใหญ่ขึ้น ในขณะที่ด้านหน้าของรถยังคงโดดเด่นด้วยไฟหน้าทรงกลม อันเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ประจำตัว และยังสามารถสร้างสีสันที่สะท้อนสไตล์ และตัวตนของผู้ขับขี่ได้เด่นชัดยิ่งกว่าเดิม ด้วยโหมดไฟซิกเนเจอร์ที่มีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ Classic, Favoured และ JCW

ดูสะดุดตาเคียงข้างกับกระจังหน้าทรงแปดเหลี่ยมโฉมใหม่ ที่ขับเน้นความสปอร์ตจากกรอบสีเงิน Vibrant Silver สไตล์ความมินิมอลในงานออกแบบยังเห็นได้จากด้านข้างตัวถังที่ไม่มีแถบสีดำ เข้าคู่กับตัวถังที่เพรียวลม ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.28 เหนือกว่ารถยนต์รุ่นอื่นๆ ในเซกเมนต์เดียวกัน ส่วนด้านท้ายสวยสะอาดตา มีสัดส่วน และเส้นสายของตัวรถที่ดูทรงพลัง และคาดกลางด้วยแถบสีดำแนวนอนบริเวณกึ่งกลางฝากระโปรงท้าย

ตอบรับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกองค์ประกอบ

ห้องโดยสารของ The new MINI Cooper SE ยังได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความเรียบง่าย และความยั่งยืนควบคู่กัน โดยแผงหน้าปัด, แผงประตู และฝาปิดช่องเก็บของต่างๆ ภายในรถ ล้วนผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ รีไซเคิล 90% ส่วนเบาะนั่งสไตล์สปอร์ต ยังคงความหรูหรา และนุ่มสบายเช่นเคย ด้วย Vescin สีน้ำเงิน Nightshade ซึ่งเป็นวัสดุหนังสังเคราะห์แบบใหม่ ที่นำมาใช้แทนหนัง เป็นการเลือกใช้วัสดุที่ทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังมีความสวยงาม พร้อมคุณภาพที่ยอดเยี่ยม

และแม้แต่ภายนอก ล้อของ The new MINI Cooper SE ก็ยังตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนด้วยการใช้อลูมิเนียมรีไซเคิล MINI รุ่นล่าสุดนี้ จะมาพร้อมกับชุดแต่ง Favoured Trim เพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยล้อขนาด 18 นิ้ว แบบ Slide Spoke ในดีไซน์ทูโทน ส่วนพื้นผิวหน้าแผงคอนโซล หุ้มด้วยผ้าถักลายตารางแบบทูโทน ในขณะที่กล่องเก็บของ บุด้วยผ้าถักจากวัสดุพิเศษ พร้อมสายผ้าสำหรับใช้ช่วยเปิดที่เก็บของให้สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น

จอแสดงผล OLED ทรงกลมความละเอียดสูง เป็นครั้งแรกของวงการยานยนต์

สำหรับฟีเจอร์ที่โดดเด่นในห้องโดยสารของ The new MINI Cooper SE สะท้อนตัวตนของ MINI เวอร์ชั่นต้นตำรับตั้งแต่ ปี ค.ศ.1959 คือ หน้าจอ MINI Interaction Unit ทรงกลมขนาดใหญ่ที่แผงคอนโซลด้านหน้า ซึ่งเป็นจอแสดงผล OLED ความละเอียดสูง นำเสนอประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกสบายในแบบฉบับที่ไม่ต่างจากการใช้สมาร์ทโฟน โดยส่วนบนของหน้าจอ จะเป็นพื้นที่แสดงข้อมูลสำคัญของตัวรถ เช่นความเร็ว และสถานะแบตเตอรี่ ในขณะที่ส่วนที่เหลือของจอแสดงผลทรงกลมยังสามารถปรับเปลี่ยนให้แสดงข้อมูลการนำทาง, เพลงและความบันเทิงอื่นๆ รวมถึงฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อต่างๆ ได้อย่างครบครัน และสะดวกง่ายดายนอกจากนี้ ระบบ Head-up Display ก็ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นข้อมูลสำคัญของตัวรถได้โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนนอีกด้วย

หน้าจอ MINI Interaction Unit ยังถือเป็นหัวใจสำคัญของโหมดการใช้งาน MINI Experience ฟีเจอร์ใหม่ ที่ช่วยปรับแต่งประสบการณ์การขับขี่ และเติมสีสันให้กับทุกเส้นทางได้ตามใจชอบ ด้วย 7 โหมดที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นโหมดขับขี่ของตัวรถ, เสียงจำลองที่ช่วยเสริมบรรยากาศการขับขี่ และสีสันจากหน้าจอ รวมทั้งระบบไฟภายในห้องโดยสาร

โดยในโหมดมาตรฐาน CoreMode ห้องโดยสารจะได้รับการตกแต่งด้วยหน้าจอ และไฟในโทนสี Laguna ที่เป็นหนึ่งในสีประจำตัวของ MINI พร้อมการขับขี่โหมด Comfort และเสียงจำลองแบบมาตรฐาน ที่ทั้งผู้ขับขี่ และบุคคลภายนอกจะได้ยินไปด้วยกัน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่การขับขี่ และคนเดินถนน

ด้าน Go-Kart Mode จะเปลี่ยนชุดสีหน้าจอเป็นสีดำ Anthracite ผสมกับสีแดง และระบบไฟ Ambient Light สีแดง เติมความดุดันให้เข้ากับการขับขี่ในแบบสปอร์ต ด้วยเสียงเครื่องยนต์จากรุ่น JCW ที่ปรับแต่งมาเพื่อสร้างความเร้าใจโดยเฉพาะ ส่วน Green Mode จะตั้งค่ารถเป็นโหมดการขับขี่แบบมีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อเพิ่มระยะทางการขับขี่สูงสุด ขณะที่หน้าจอ และระบบไฟส่องสว่างจะมาในสีเขียวนวลตา

นอกเหนือจาก 3 โหมดหลักนี้ MINI Interaction Unit ยังมาพร้อมกับบุคลิก และลูกเล่นที่โดดเด่นมากขึ้นในอีก 4 โหมด นับตั้งแต่ความสามารถในการซิงค์แสงไฟภายในกับภาพปกอัลบั้มของเพลงที่กำลังเล่นใน Vivid Mode จากการใช้เทคโนโลยีลูกเล่นสี Color Grabber และการรองรับภาพพื้นหลังที่เลือกเองได้ใน Personal Mode ไปจนถึงการสะท้อนภาพประวัติศาสตร์สุดคลาสสิกผ่านทั้งภาพ และเสียงใน Timeless Mode หรือบรรยากาศความเรียบง่าย สงบ สบายใน Balance Mode

ด้านล่างของหน้าจอ MINI Interaction Unit ซึ่งติดตั้งอยู่บนคอนโซลด้านหน้าผู้ขับ จะได้พบกับแผงควบคุม Toggle Bar ดีไซน์ใหม่ อีกหนึ่งองค์ประกอบที่หวนคืนมาจากรุ่นคลาสสิก โดย Toggle Bar ใหม่นี้ จะช่วยให้
ผู้ขับขี่เข้าถึงฟังก์ชันสำคัญต่างๆ ในการขับขี่ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ทั้งเบรกมือ, สวิตช์เลือกเกียร์, สวิตช์หมุนสตาร์ท/ดับเครื่อง, สวิตช์สลับโหมด MINI Experience หรือปุ่มการควบคุมระดับเสียงเพลง

ครบครันด้วยบริการด้านดิจิทัล และผู้ช่วยขับขี่อัจฉริยะ

อีกหนึ่งเทคโนโลยีใหม่ใน The new MINI Cooper SE ที่จะมาปฏิวัติวงการไม่ต่างจากหน้าจอ OLED ก็คือผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ MINI Intelligent Personal Assistant ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในไทย พร้อมตอบสนองทุกคำสั่ง เพียงออกเสียงเรียกว่า “Hey MINI!” หรือจะเลือกกดปุ่มสั่งการด้วยเสียงบนพวงมาลัยก็สะดวกไม่แพ้กัน ซึ่งนอกจากแค่การรับคำสั่ง MINI Intelligent Personal Assistant ยังสามารถปรากฏตัวทักทายคุณบนหน้าจอ MINI Interaction Unit ในรูปของรถ “MINI” ที่เป็นหน้าตาแบบมาตรฐาน หรืออาจเลือกอัพเกรดผ่านแพ็คเกจ MINI Connected ให้เป็นน้องหมา “Spike” ที่แฟนๆ ต้องหลงรักก็ได้

เทคโนโลยีต่างๆ เหล่านี้ ล้วนขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ MINI Operating System 9 แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่พัฒนาด้วยมือของทีมงาน BMW Group บนพื้นฐานของ Android Open Source Project (AOSP) เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายดายด้วยระบบสัมผัส แสดงผลด้วยภาพกราฟิกเคลื่อนไหวที่สวยงามในทุกหน้าจอ และทำงานร่วมกับฟังก์ชันอื่นๆ ได้หลากหลาย เช่น การเชื่อมต่อกับแพ็คเกจ MINI Navigation ขณะขับขี่ เพื่อช่วยนำทางด้วยระบบคลาวด์ พร้อมรองรับการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายแบบ 5G ในตัว และยังสามารถแสดงภาพ 3 มิติ เพื่อช่วยนำทางผ่านจุดเลี้ยวที่ซับซ้อนได้อย่างมั่นใจ ส่วน MINI Connected Store ยังมอบแอปพลิเคชั่นที่หลากหลาย ครบครันทั้งแอป เพื่อการใช้งาน และความบันเทิง รวมถึงเกม แอปสตรีมเพลง และวิดีโอ

The new MINI Cooper SE ยังมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่หลากหลาย รวมถึงฟังก์ชั่นจอดรถอัตโนมัติอย่าง Parking Assistant และแพ็คเกจ Driving Assistant ซึ่งสามารถเลือกอัพเกรดเป็น Driving Assistant Plus ที่มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) โดยลูกค้าสามารถเลือกสมัครได้ในแบบ 1 เดือน, 1 ปี, 3 ปี และตลอดอายุการใช้งาน ส่วนฟีเจอร์กุญแจรถดิจิทัล MINI Digital Key Plus ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายอีกระดับ ด้วยการเปลี่ยนสมาร์ทโฟน และสมาร์ทวอชให้เป็นกุญแจร5 ซึ่งสามารถเปิดใช้งาน Welcome Light ได้โดยอัตโนมัติ เมื่อเจ้าของรถอยู่ในระยะ 3 เมตรจากตัวรถ และสามารถปลดล็อคประตูอัตโนมัติ เมื่อเดินเข้ามาในระยะ 1.5 เมตร รวมไปถึงการสตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อนั่งอยู่ในตำแหน่ง พร้อมจะออกเดินทาง นอกจากนี้ยังสามารถส่งต่อ Digital Key ให้เพื่อน หรือคนในครอบครัวได้อย่างง่ายดาย และปลอดภัย

ยกระดับอารมณ์การขับขี่แบบ Go-Kart กับเทคโนโลยีระบบการขับเคลื่อน ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%

ในด้านสมรรถนะ The new MINI Cooper SE ขับเคลื่อนด้วยขุมกำลังระบบไฟฟ้ารุ่นล่าสุด ที่ผ่านการเสริมสมรรถนะมาอย่างรอบด้าน ส่งกำลัง 160 กิโลวัตต์ / 218 แรงม้า และแรงบิด 330 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ฉับไวใน 6.7 วินาที ทั้งยังทำงานผสานกับช่วงล่างที่ปรับแต่งมาเพื่อการควบคุมที่คล่องตัว ด้วยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ฐานล้อที่ยาวขึ้น และขยับไปชิดมุมรถทั้ง 4 ด้าน (Short Overhang) ทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น

คงไว้ซึ่งสไตล์การขับขี่แบบโกคาร์ทไว้ได้อย่างครบถ้วน การบังคับเลี้ยวที่แม่นยำ แบตเตอรี่แรงดันสูง 54.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมงใน The new MINI Cooper SE พร้อมส่งพลังงานสำหรับการเดินทางที่ระยะทางสูงสุด 402 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP นอกจากนี้ ตำแหน่งการติดตั้งแบตเตอรี่ในพื้นรถ ยังทำให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ส่งผลให้รถมีความสามารถในการยึดเกาะ และการควบคุมที่ยอดเยี่ยม

แบตเตอรี่ของ The new MINI Cooper SE รองรับการชาร์จไฟแบบ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ในขณะที่การชาร์จไฟแบบ DC ทำได้สูงสุดที่ 95 กิโลวัตต์ โดยในโหมด DC จะสามารถชาร์จจาก 10% ถึง 80% ในเวลาไม่ถึง 30 นาที นอกจากนี้ แบตเตอรี่รุ่นนี้ ยังรองรับการตั้งค่าการชาร์จต่างๆ เช่น เวลาชาร์จ, ระดับแบตเตอรี่ที่ต้องการ และอื่นๆ พร้อมการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่จากหน้าจอมือถือผ่าน MINI App

The new MINI Cooper SE พร้อมให้นักขับชาวไทยเป็นเจ้าของได้แล้วที่ ราคา 1,699,000 บาท พร้อมแพ็คเกจ MSI Standard โดยมี 6 สีให้เลือกได้แก่ Blazing Blue, Nanuq White, Melting Silver ที่มาพร้อมกับหลังคาสีดำ Jetblack และ British Racing Green, Sunny Side Yellow, Chili Red II ที่ให้ลูกค้าเลือกหลังคาดำ Jetblack หรือสีขาว Glazed White

ข้อเสนอพิเศษสำหรับ The new MINI Cooper SE*

  • สำหรับลูกค้าที่จอง The new MINI Cooper SE ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ https://minionlinesales.com/ และมีกำหนดรับมอบรถภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 จะได้รับแพ็คเกจ MINI Connected ฟรี 1 ปี*

  • ลูกค้าที่จอง The new MINI Cooper SE และทำสัญญาทางการเงินกับ มินิ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม โดยมีกำหนดรับมอบรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567 รับข้อเสนอผ่อนต่อเดือนเริ่มต้น 11,555 บาท/เดือน*

  • สำหรับลูกค้าเก่า และลูกค้าปัจจุบันที่มีสัญญาทางการเงินกับ มินิ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทยเมื่อจอง The new MINI Cooper SE และทำสัญญาทางการเงินกับ มินิ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม โดยมีกำหนดรับมอบรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567 รับข้อเสนอขยายแพ็คเกจรับประกัน MINI Extended Protect (Extended warranty) สูงสุด 2 ปี (มูลค่ารวม 25,970 บาท)*

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ MINI Contact Center 1397

คันที่จัดแสดงในงานไม่ใช่สเป็คที่จะจำหน่ายในประเทศไทย

The new MINI Countryman SE ราคา : 3,399,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา MSI Standard 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)

รถยนต์พลังงานไฟฟ้า100% รุ่นแรกของตระกูล Countryman ด้วย The new MINI Countryman SE ที่มาพร้อมกับเอกลักษณ์ด้านการออกแบบใหม่ล่าสุด ในปรัชญาเดียวกับ The new MINI Cooper SE แต่ผสานความโดดเด่นของรถยนต์แบบ ออฟโรด อเนกประสงค์ รถยนต์สำหรับครอบครัว และความสนุกสนานของประสบการณ์การขับขี่ที่ไร้มลพิษเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวในคันเดียว

The new MINI Countryman SE สืบทอดบุคลิกที่ดูเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยของ Countryman ด้วยพื้นผิวตัวถังที่เฉียบคม แต่ยังคงกลิ่นอายขององค์ประกอบด้านการออกแบบสุดคลาสสิก ทั้งช่วงล้อหน้า และฝากระโปรงหน้าที่สั้น ตัดกับฐานล้อที่ยาว ขนาดมิติตัวถัง และฐานล้อมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า โดยมีความยาว 4,445 มิลลิเมตร, กว้าง 1,843 มิลลิเมตร, สูง1,635 มิลลิเมตร และฐานล้อยาว 2,692 มิลลิเมตร

โดดเด่นด้วยกระจังหน้ารูปทรงแปดเหลี่ยมดีไซน์ใหม่ พร้อมไฟหน้า LED และระบบปรับเปลี่ยนรูปแบบแสงไฟตามโหมด Signature ต่างๆ ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ลาย Windmill Spoke ดีไซน์ทูโทน โดดเด่นด้วยหลังคาในสีใหม่ Vibrant Silver พร้อม Panorama Glass Roof เข้ากับกรอบกระจังหน้า, ฝาครอบกระจกข้าง, เสา C รวมถึงชิ้นส่วนภายนอกอื่นๆ ในสีเดียวกัน

ภายในของ The new MINI Countryman SE มาในปรัชญาการออกแบบใหม่ เช่นเดียวกับ The new MINI Cooper SE โดยบริเวณแผงแดชบอร์ด หุ้มด้วยผ้าถักในสี Dark Petrol รับกับเบาะ John Cooper Works Sport Seats สี Vintage Brown มาพร้อมระบบเสียง Harman Kardon surround sound เพื่อความบันเทิงที่เต็มอิ่มในทุกการเดินทาง

The new MINI Countryman SE ยังมาพร้อมองค์ประกอบหลัก และฟีเจอร์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เช่นเดียวกับใน The new MINI Cooper SE เจเนอเรชั๋นที่ 5 อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผล OLED ทรงกลม MINI Interaction Unit โหมดการใช้งาน MINI Experience ที่มีอีกหนึ่งโหมดพิเศษเพิ่มมาจาก 7 โหมดใน The new MINI Cooper SE คือ โหมด Trail ที่เน้นความเร้าใจ สำหรับสายแอดเวนเจอร์ มาพร้อมฟังก์ชั่นอย่าง เข็มทิศ และกราฟฟิกต่างๆ ในระบบ Navigation เสริมฟีลลิ่งแบบออฟโร้ด และยังมีระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ MINI Intelligent Personal Assistant และฟีเจอร์ซอฟต์แวร์อันหลากหลายบนระบบปฏิบัติการ MINI Operating System 9 รวมถึงแผงควบคุมดีไซน์ใหม่ในแบบToggle Bar ที่รวบรวมทุกฟังก์ชั๋นสำคัญของการขับขี่เอาไว้ในจุดเดียว เพื่อให้ผู้ขับขี่เข้าถึงได้ง่าย และครบครันด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่าง ระบบช่วยจอด Parking assistant Plus, Drive Recorder, กล้องรอบคัน Surround view และอื่นๆ อีกมากมาย

นอกจากนี้ เพื่อรองรับกับตัวถังที่มีขนาดใหญ่ และกว้างขวางขึ้น ระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% จึงได้รับการปรับแต่งให้ส่งพละกำลังสูงสุดถึง 230 กิโลวัตต์ / 313 แรงม้า ส่งแรงบิดสูงสุด 494 นิวตันเมตร สู่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ ALL4 ที่สามารถเร่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายในเวลาเพียง 5.6 วินาที และยังทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบตเตอรี่ได้รับการยกระดับความจุให้เป็น 66.45 กิโลวัตต์-ชั่วโมง พร้อมรองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ AC กำลังไฟ 11 กิโลวัตต์ และการชาร์จแบบกระแสตรง DC สูงสุดที่ 130 กิโลวัตต์ และมีระยะทางขับขี่สูงสุดถึง 432 กิโลเมตรต่อการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP

The new MINI John Cooper Works Countryman ราคาจำหน่าย : 3,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา MSI Standard 3 ปี หรือ 60,000 กม.)

The new MINI John Cooper Works Countryman มาให้แฟน ๆ ชาวไทยเป็นเจ้าของในจำนวนจำกัดเพียง 5 คัน ผสมผสานสมรรถนะการขับขี่อันทรงพลังในแบบฉบับของ John Cooper Works เข้ากับจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยของรถ MINI ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ยกระดับทุกประสบการณ์การเดินทางให้พิเศษ และเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณสปอร์ต จากขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุดที่ 233 กิโลวัตต์ / 317 แรงม้า ส่งแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร สู่ล้อทั้งสี่ ผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ ALL4

มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.26 เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการขับบนท้องถนน หรือเส้นทางออฟโรด ส่งผลให้ MINI John Cooper Works Countryman ใหม่ เร่งความเร็วถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายในเวลาเพียง 5.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

The new MINI John Cooper Works Countryman ยังโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่บ่งบอกถึงบุคลิกที่ดูสปอร์ต และดุดัน สะท้อนให้เห็นจุดเด่นทั้งด้านสมรรถนะ และความอเนกประสงค์ของตัวรถ โดยแผ่นสะท้อนแสงแนวตั้งบริเวณด้านหน้ารถ ยังช่วยเน้นย้ำถึงความกว้างของตัวรถ ไฟหน้า LED ดีไซน์ใหม่ พร้อมแถบไฟแนวนอนอันเป็นเอกลักษณ์จากโหมด JCW Signature ช่วยเสริมความโดดเด่นให้กับรูปลักษณ์ของรถยนต์แบบ Sports Activity Vehicle ส่วนกระจังหน้าดีไซน์ใหม่รูปทรงแปดเหลี่ยม ตกแต่งด้วยสีดำ High-gloss Black และโลโก้ JCW ได้รับการออกแบบใหม่ ช่วยเสริมให้ดีไซน์มีความทันสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งความมินิมอลที่ทั้งเรียบง่ายแต่โดดเด่น สะกดทุกสายตาบนท้องถนน

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมสีตัวถังสีพิเศษ Legend Grey ซึ่งตัดกันอย่างโดดเด่นกับหลังคาสีแดง Chili Red ที่มาพร้อมกระจก Panorama และกระจกมองข้างสีแดง ที่บ่งบอกถึงคาแรคเตอร์อันเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น John Cooper Works ในขณะที่ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ลาย John Cooper Works Flag Spoke ในแบบทูโทน ก็ช่วยดึงความโดดเด่นให้กับตัวรถ ส่วนท้ายรถยังมาพร้อมกับไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ในโหมด JCW Signature อันเป็นเอกลักษณ์ สอดรับกับตัวถังด้านหลังทรงตั้งตรง ที่ช่วยตอกย้ำถึงความกว้างของตัวรถ

ห้องโดยสารของ The new MINI John Cooper Works Countryman ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อตอกย้ำถึงความกว้างขวาง และโอ่อ่า ตกแต่งด้วยสีแดง และสีดำบริเวณคอนโซล, แผงประตู และเบาะนั่งแบบสปอร์ต ที่หุ้มด้วยหนัง วีแกน Vescin และเนื้อผ้า ผสมผสานกันออกมาอย่างลงตัว และสะท้อนถึงจิตวิญญาณรถแข่งของ John Cooper Works โดยเบาะนั่งด้านหลังสามารถพับเก็บได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระสูงสุดตั้งแต่ 505-1,530 ลิตร

The new MINI John Cooper Works Countryman ยังมาพร้อมกับหน้าจอกึ่งกลางคอนโซลแบบ OLED ทรงกลมความละเอียดสูง อันเป็นเอกลักษณ์ของ MINI เจเนอเรชั่นที่ 5 รองรับโหมดการใช้งาน MINI Experience และแผงควบคุมดีไซน์ใหม่ในรูปแบบ Toggle Bar ที่รวบรวมทุกฟังก์ชั่นสำคัญ สำหรับการขับขี่เอาไว้ในที่เดียว รวมทั้งยังสามารถสั่งงานด้วยเสียง เพื่อควบคุมฟังก์ชั่นสำคัญต่างๆ เช่น ระบบนำทาง, โทรศัพท์ และระบบความบันเทิงต่างๆ ในรถได้เช่นกัน

The new MINI Aceman SE ราคา : รอการประกาศอย่างเป็นทางการ

เพื่อตอกย้ำทิศทางใหม่ของยนตรกรรม MINI ในเจเนอเรชั่นที่ 5 MINI Thailand ยังได้เผยโฉม The new MINI Aceman SE เป็นครั้งแรกสำหรับตลาดประเทศไทย ในฐานะรถยนต์ครอสโอเวอร์พลังงานไฟฟ้า 100% ขนาดกะทัดรัด ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อความคล่องตัวในการใช้ขับขี่ภายในเมือง มาเติมเต็มอีกหนึ่งกลุ่มลูกค้า ที่มองหาอีกหนึ่งตัวเลือกระหว่าง MINI Cooper และ MINI Countryman โดดเด่นด้วยการออกแบบขนาดตัวรถ เน้นประโยชน์พื้นที่ใช้สอยสูงสุด ในขนาดที่ไม่ใหญ่ และไม่เล็กจนเกินไป และดีไซน์ที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ MINI บนท้องถนนให้สนุก เหนือระดับยิ่งกว่าที่เคย

The new MINI Aceman SE พกพาทั้งความคล่องตัวของ Crossover ขนาดเล็กด้วยความยาวตัวรถเพียง 4.07 เมตร แต่ยังเพียบพร้อมด้วยประโยชน์ใช้สอยสำหรับทุกสถานการณ์แบบรถ 5 ที่นั่ง ปรัชญาการดีไซน์ยังคงความเรียบง่าย แต่มากสเน่ห์เช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆ ในเจเนอเรชั่นใหม่ แต่มีองค์ประกอบที่ไม่ซ้ำใครอย่างรูปทรงไฟหน้า การออกแบบเส้นสายบริเวณซุ้มล้อ กราฟฟิกไฟท้าย เฉพาะสำหรับรุ่น Aceman รวมถึงการออกแบบชิ้นส่วนกรอบสีดำ บริเวณกันชนท้าย ช่วยตอกย้ำเอกลักษณ์ของ MINI Aceman ยิ่งขึ้น ส่วนการออกแบบภายใน ยังเน้นย้ำประสบการณ์ดิจิทัลล้ำสมัยผ่านจอ OLED ทรงกลม เช่นเดียวกับมินิรุ่นอื่นๆ พร้อมแผง Toggle Bar และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบครบครัน

The new MINI Aceman SE ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ขนาด 54.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง เช่นเดียวกับ The new MINI Cooper SE ให้พละกำลังสูงสุด 160 กิโลวัตต์ / 218 แรงม้า ส่งแรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็ว ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายในเวลาเพียง 7.1 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีระยะทางขับขี่สูงสุดที่ 405 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ AC กำลังไฟ 11 กิโลวัตต์ ชาร์จจาก 0-100% ได้ในเวลา 5.45 ชั่วโมง และการชาร์จแบบกระแสตรง DC สูงสุดที่ 95 กิโลวัตต์ ทำความเร็วในการชาร์จจาก 10-80% ได้ในเวลา 31 นาทีเท่านั้น