จากการเผยโฉมของ MG Cyberster ครั้งแรกในงาน Goodwood Festival of Speed ประเทศอังกฤษ ต่อเนื่องด้วยงาน Chengdu Auto Show 2023 ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ทำเอาแฟนๆ ทั่วโลก ต่างก็ชื่นชมทั้งด้านดีไซน์ และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
ซึ่งล่าสุด MG Cyberster ได้รับการพิสูจน์สมรรถนะ และความแข็งแกร่ง อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน กับภารกิจ “Charging into the Future” การขับขี่ในรูปแบบ Road Trip เดินทางข้าม 3 ทวีป 23 ประเทศ บนเส้นทางจริง รวมแล้วกว่า 10,000 ไมล์ (กว่า 16,000 กิโลเมตร)
โดยมีจุดเริ่มต้นจากทวีปยุโรป เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2566 ณ Park Plaza West Minister Bridge London กรุงลอนดอน ข้ามผ่านหลากหลายภูมิประเทศไม่ว่าจะเป็น การเผชิญทั้งเส้นทางในเมือง และนอกเมือง ทางเขาที่สูงชันหรือแม้แต่พื้นที่ในเขตทะเลทราย รวมถึงต้องสัมผัสกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดการเดินทาง
จากยุโรปซึ่งเป็นพื้นที่ที่หนาวเย็น เช่น กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เบลเยี่ยม เยอรมนี ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี ข้ามมาอีกซีกโลกสู่เขตภูมิประเทศตะวันออกกลางที่ค่อนข้างแห้งแล้ง และมีความร้อนสูง ตั้งแต่ จอร์แดน ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก่อนมุ่งหน้าสู่ทวีปเอเชียที่ร้อนชื้น ผ่าน อินเดีย มาเลเซีย ประเทศไทย เวียดนาม สู่จุดมุ่งหมายที่มหานครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน
ซึ่งภารกิจนี้จะแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีภายในห้องโดยสารที่เอื้ออำนวยให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่น ตลอดจน แสดงให้เห็นถึงความทรงพลังของตัวรถของ MG Cyberster ที่เหนือระดับ ในฐานะ สปอร์ตโรดสเตอร์ พลังไฟฟ้า 100% แบบเปิดประทุน 2 ที่นั่ง พร้อมจุดเด่น คือ ประตูปีกนกอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ถูกยกย่องให้เป็นสถาปัตยกรรมโครงสร้างไอเดียแห่งอนาคตอันแท้จริง
อีกทั้งยังแสดงภาพ MG Cyberster ได้โลดแล่นอยู่บนเส้นทางหลากหลายอารยะธรรม มีสถาปัตยกรรมของแต่ละประเทศเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของภาพแห่งประวัติศาสตร์ และที่สำคัญการเดินทางครั้งนี้ “ประเทศไทย” อยู่ในเส้นทางที่ MG Cyberster จะมาเช็คอินในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 ด้วยก่อนที่จะไปสู่จุดหมายปลายทางที่ มหานครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน อีกด้วย
สำหรับภารกิจการเดินทางในครั้งนี้ เป็นผลงานของนักเดินทางระดับโลกฝาแฝด The Turner ทั้ง Hugo และ Ross ที่สร้างชื่อเสียงความสำเร็จในการผจญภัยระดับโลกมาแล้ว เช่น Atlantic Rowing Race การแข่งขันการพายเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกกว่า 3,000 ไมล์ และการเดินทางข้ามขั้วโลกในประเทศกรีนแลนด์ ซึ่งล้วนแต่ต้องใช้ความอดทน และขีดจำกัดของศักยภาพในตัวมนุษย์ เพื่อมาเป็นผู้ขับขี่ ตลอดเส้นทางแห่งประวัติศาสตร์ครั้งนี้
MG Cyberster ถือเป็นยนตรกรรมที่ผสมผสานดีไซน์ของรถคลาสสิคให้เข้ากับดีเอ็นเอสายพันธุ์สปอร์ตได้อย่างลงตัว และกลายเป็นรถสปอร์ตโรดสเตอร์ไฟฟ้าแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่งที่เรียบหรู และโดดเด่นด้วยประตูแบบปีกนก โดยมีหลังคาผ้าแบบ Soft Top ช่วยเพิ่มสไตล์ความคลาสสิกให้ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมภายในห้องโดยสารที่ใส่ความสปอร์ตไว้ทุกอณูรองรับการเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ
MG Cyberster มีให้เลือกทั้งรุ่นมอเตอร์เดี่ยว แบตเตอรี่ความจุ 64 kWh (กิโลวัตต์) และ รุ่นมอเตอร์คู่ แบตเตอรี่ความจุ 77 kWh (กิโลวัตต์) สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 3.2 วินาที จนได้รับการยกย่องจากแฟนๆ ทั่วโลกให้เป็นไอคอน รถสปอร์ตโรดสเตอร์ พลังงานไฟฟ้า100%
– แฟนๆ สามารถติดตามการเดินทางของ MG Cyberster ข้ามทวีปกว่า 10,000 ไมล์ จากยุโรปถึงเอเชียรวมถึงการมาเยือนประเทศไทยกับภารกิจโลก “Charging into the Future” ได้ที่ bit.ly/ChargingIntoTheFuture
– และไม่พลาดกับความเคลื่อนไหวของ MG Cyberster รถสปอร์ตโรดสเตอร์ 100% ยนตรกรรมสุดล้ำที่ผสมผสานศาสตร์และศิลป์จนเกิดเป็นความโดดเด่นที่ลงตัวได้ที่ bit.ly/MGThailand
