เป็นเรื่องที่รู้กันว่าในปี 2030 จะเป็นปีที่หลายค่ายรถตั้งเป้าว่าจะหยุดผลิตรถสันดาป อีกทั้งนโยบายของสหภาพยุโรปเตรียมผลักดันให้มีการยุติการจำหน่ายรถยนต์ใช้น้ำมันในปีนี้ด้วยเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าเวลาผ่านไปมันกลับไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้
เพราะในเอกสารใหม่ที่ทาง Mercedes-Benz แถลงกับนักลงทุน ว่าทางบริษัทได้ประมาณการว่ารถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วน 50 % หรือหมายความว่ารถไฟฟ้าและน้ำมันจะขายได้เท่ากันอย่างละครึ่ง ในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ อย่างไรก็ตามมันจะส่งผลกับบางตลาดเท่านั้น และทางบริษัทจะผลิตสินค้าที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า แม้ว่าทาง Mercedes-Benz ยังไม่ได้พูดตรง ๆ ว่าจะยังผลิตรถสันดาปต่อไป แต่ก็สื่อออกมาว่ายังมีการผลิตรถน้ำมันควบคู่กับรถไฮบริดและพลัง EV ล้วน
ส่วน CEO ของค่ายอย่าง Ola Kallenius ยังยอมรับว่ารถสันดาปยังคงเป็นสิ่งสำคัญในการทำรายได้ของบริษัท และเขาคิดว่าความต้องการรถยนต์ ICE และ รถ EV ยังคงมีความสมดุลในอีกหลายปีข้างหน้า และยังใช้เวลาอีกนานกว่าต้นทุนผลิตรถไฟฟ้าจะลดลงจนเท่ากับรถสันดาป
โดยในปีในปี 2023 ยอดส่งมอบรถยนต์ Mercedes PHEV ขายได้ทั้งหมด 161,275 คันซึ่งลดลง 12.5% ส่วนรถ EV ขายได้ 240,668 คัน เพิ่มขึ้น 61.3% โดยยอดขายของ PHEV และ EV รวมกันอยู่ที่ 19.7% (เพิ่มขึ้นจาก 16.3% จากยอดขายปี 2022) ส่วนเป้าหมายในปี 2024 คือทำยอดขาย PHEV และ EV เพิ่มขึ้น 19%-21% จากยอดขายรถทั้งหมด
ที่มา motor1