Jeep งัด 2 off-road ใหม่ Grand Cherokee 4xe และ Wrangler Rubicon ในงานบางกอก มอเตอร์โชว์

จี๊ป ประเทศไทย ภายใต้การบริหารโดยบริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด (ในเครือ MGC-Asia) ยกทัพ จี๊ป รุ่นไฮไลท์บุกงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 นำโดย ‘ออล-นิว จี๊ป แกรนด์ เชอเรอกี ซัมมิท รีเสิร์ฟ โฟร์บายอี (ปลั๊ก-อิน ไฮบริด)’ All-new Jeep Grand Cherokee Summit Reserve 4xe (Plug-in Hybrid) สเปคขายจริง และ ‘นิว 2024 จี๊ป แรงเลอร์ รูบิคอน (Minor Change)’ New 2024 Jeep Wrangler Rubicon (Minor Change) ที่มาพร้อมการรับประกันคุณภาพสูงสุด 7 ปี และรับประกันแบตเตอรี่สูงสุดถึง 8 ปี

สุนทรพันธ์ เดชะเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จี๊ป ประเทศไทย เผยว่า “จากเสียงตอบรับของผู้ชื่นชอบ จี๊ป แบรนด์รถยนต์สายลุย ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากการนำเสนอรุ่นใหม่ๆ เรายังได้เร่งขยายเครือข่าย พร้อมบริการหลังการขายครบวงจร และงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ เราภูมิใจนำเสนอ จี๊ป 2 รุ่นไฮไลท์ ‘ออล-นิว จี๊ป แกรนด์ เชอเรอกี ซัมมิท รีเสิร์ฟ โฟร์บายอี (ปลั๊ก-อิน ไฮบริด)’ เอสยูวีพันธุ์แกร่งระดับตำนาน และ ‘นิว 2024 จี๊ป แรงเลอร์ รูบิคอน (Minor Change)’ รูปลักษณ์ใหม่ที่โดดเด่นกว่าเดิม มาพร้อมการขยายระยะเวลาการรับประกันคุณภาพ เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า ขอเชิญชวนสาวก จี๊ป สัมผัสยอดยนตรกรรม ที่ทำได้ทุกสิ่งแบบไร้ขีดจำกัด จับจองรุ่นที่ใช่ ภายในงาน พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย”

ออล-นิว จี๊ป แกรนด์ เชอเรอกี ซัมมิท รีเสิร์ฟ โฟร์บายอี (ปลั๊ก-อิน ไฮบริด) เรียบหรู ผสานสมรรถนะเยี่ยม ฉบับเอสยูวีสัญชาติอเมริกัน

นับเป็นรุ่นที่ 5 ของ ‘แกรนด์ เชอเรอกี’ ตำนานแห่งรถยนต์พรีเมียมเอสยูวี เจ้าของตำแหน่งเอสยูวีที่ได้รับรางวัลมากที่สุด เปี่ยมไปด้วยความหรูหรา สะดวกสบายแบบออน-โรด ทว่ามาพร้อมสมรรถนะสไตล์ออฟ-โรด อย่างลงตัว ออล-นิว จี๊ป แกรนด์ เชอเรอกี ซัมมิท รีเสิร์ฟ โฟร์บายอี พร้อมกับขุมพลังปลั๊ก-อินไฮบริด อันทันสมัย เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ 2.0 ลิตร ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า ทำได้ 381 แรงม้า (HP) พร้อมนำผู้โดยสารสู่จุดหมายอย่างสะดวกสบาย ในทุกสภาพเส้นทาง ด้วยระบบช่วงล่างถุงลม ‘คอดดร้า ลิฟท์’ (Quadra Lift) และ Semi-active damping ปรับความสูงอัตโนมัติ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ‘คอดดร้า แทรก ทู’ (Quadra Trac II), ‘ซีเล็ก-เทอร์เรน’ (Selec-terrain) ที่มากับ 5 โหมดการขับ คือ Auto, Snow, Sand, Mud และ Rock รวมถึงระบบเฟืองท้ายขับเคลื่อนล้อหลังแบบไฟฟ้า (Electronic Limited Slip Differential Rear Axle)

ขณะที่บริเวณกลางแดชบอร์ดเป็นจอระบบสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ ‘Uconnect 5’ รองรับ Android Auto และ Apple Car Play แบบไร้สาย พร้อมเพลิดเพลินกับ ‘McIntosh’ เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ 19 ลำโพง นอกจากนั้นยังได้รับการยกย่องให้เป็นห้องโดยสารที่หรูหราผ่านการตกแต่งด้วยวัสดุระดับพรีเมียม เบาะคู่หน้าหุ้มหนังแท้ Fine Grain คุณภาพสูง ‘ปาแลร์โม’ (Palermo) ปรับทิศทางด้วยไฟฟ้า 12 ตำแหน่ง พร้อมระบบระบายอากาศและฟังก์ชันนวดแผ่นหลัง ตกแต่งตามจุดต่างๆ ด้วยลายไม้วอลนัต พาโนรามิกซันรูฟ 2 ส่วน (Dual-Pane Panoramic Sunroof) ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย พร้อมระบบปรับอากาศแบบ 4 โซน

พร้อมสำหรับการผจญภัยในแบบออฟ-โรด อุ่นใจไปกับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และหัวเข่า ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติจนถึงหยุดนิ่ง ระบบเบรกไฟฟ้า ‘โฮล แอน โก’ (hold ‘n go) กล้องแสดงมุมมองด้านหน้าและรอบคัน พร้อมโหมดแสดงภาพในที่มืด (Night Vision) และกระจกมองหลังดิจิทัล ปรับลดแสงอัตโนมัติ สเปคขายจริงในไทยยังมาพร้อมออปชั่นใหม่พิเศษ หน้าจอระบบสัมผัสสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ขนาด 10 นิ้ว มูลค่ากว่า 100,000 บาท ในราคาเดิม 5.49 ล้านบาท พร้อมให้แฟนชาวไทยได้สัมผัสครั้งแรก

เท่ ดุดัน พันธุ์แกร่ง ในแบบ นิว 2024 จี๊ป แรงเลอร์ รูบิคอน 4 ประตู (Minor Change)

โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร 270 แรงม้า ที่ 5,250 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ผสานเพลาหลัง Dana แบบ Full Float Axle ใหม่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการลากจูง กระจังหน้าแบบ 7 ช่องดีไซน์ใหม่ ทันสมัยและโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ กระจกบังลมหน้าแบบ Gorilla Glass ที่แข็งแกร่ง เบาะหนัง Nappa ปักโลโก้รูบิคอน ล้ำไปอีกขั้นด้วยเบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 12 ทิศทาง และ 8 ทิศทางสำหรับเบาะผู้โดยสารด้านหน้า ที่ผ่านการทดสอบการลุยน้ำแบบไร้ประตู สะดวกสบายกว่าด้วยจอทัชสกรีน 12.3 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ พร้อมระบบนำทาง Uconnect 5 รองรับการเชื่อมต่อ Apple Car Play และ Android Auto แบบไร้สาย เพิ่มความปลอดภัยด้วยถุงลมคู่หน้าและด้านข้างใหม่ มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ จนถึงหยุดนิ่ง (Adaptive Cruise Control with Stop & Go) พร้อมเปิดตัวในราคา 5.49 ล้านบาท

ThaiPR