สมัยที่ผู้ผลิตรถยนต์จีนเป็นเบอร์รองที่ใคร ๆ มองข้ามในอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ผ่านไปแล้ว ทุกวันนี้รถจากประเทศจีนได้รับการยอมรับทั้งจากผู้บริโภคจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น และในส่วนของผู้ผลิตรถยักษ์ใหญ่ที่ต้องหันมามองรถจากจีนด้วยเช่นกัน
โดยล่าสุดข้อมูลมาจากปากของ ซีอีโอของ Ford ที่ได้ให้สัมภาษณ์กับ The Wall Street Journal ได้บอกว่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนเป็น “ภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่” ในระหว่างการเดินทางครั้งหนึ่ง CEO ได้เข้าร่วมกับ John Lawler ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ซึ่งยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า “ค่ายรถจากจีนทำได้ดีกว่าเรา (Ford)”
หัวหน้าของ Ford กล่าวว่าเขา เหตุการณ์นี้เคยมีมาก่อนแล้ว โดยในที่นี้เขาได้หมายถึงการเติบโตของ Toyota, Honda และผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นรายอื่น ๆ และความสามารถในการแย่งยอดขายจากแบรนด์อเมริกัน ตั้งแต่ทศวรรษ 1980 ซึ่งในตอนนี้ผู้ผลิตรถจากประเทศจีนกำลังทำในรูปแบบเดียวกัน รวมทั้งผู้ผลิตรถจากเกาหลีใต้อย่าง Hyundai และ Kia ก็พัฒนาขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการผลิตรถ EV
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Ford ได้ตัดสินใจยุติการผลิต Ford Fiesta ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดรุ่นหนึ่งของยุโรป การยุติการผลิตของซูเปอร์มินิรุ่นนี้ตามมาหลังจากยุติการผลิต Mondeo ในปี 2022 โดย Focus และรถ Taurus ก็ยุติการผลิตในปี 2019
รัฐบาลหลายแห่งทั่วโลกตระหนักถึงภัยคุกคามจากจีนและกำลังดำเนินการจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีนสำหรับตลาดส่งออก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลของไบเดนได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าของจีน 100% สำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐฯ ได้ประกาศว่าอัตราภาษีนำเข้าจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 กันยายน
ในสัปดาห์หน้า สหภาพยุโรปคาดว่าจะลงคะแนนเสียงเรื่องอัตราภาษีที่สูงขึ้น ตามรายงานของ Automotive News Europe สหภาพยุโรปต้องการเรียกเก็บภาษี 36.3% ต่อ SAIC ขณะที่ Geely ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Volvo อาจต้องเสียภาษี 19.3% ในขณะที่รถยนต์ BYD ที่ส่งไปยังยุโรปอาจต้องเสียภาษี 17% อย่างไรก็ตาม Bloomberg รายงานว่าอัตราภาษีดังกล่าวมีแนวโน้มลดลง เรียกว่าการมาของรถจากประเทศจีนทำให้ทั่วโลกต้องมีการปรับตัวเพื่อแข่งขัน
ที่มา Motor1