Continental

Continental ตอกย้ำความเป็นผู้นำยางรถ EV ชูนวัตกรรมเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ หนุนตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

ด้วยกระแสรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยในปี 2567 ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากค่ายรถแบรนด์ต่างๆ ที่ยกทัพยนตรกรรมไฟฟ้ามาเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ 2024 อย่างคับคั่ง ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบาย 30@30 ของภาครัฐที่มีเป้าหมายเพื่อผลักดันประเทศไทยให้ก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society)

อีกทั้งค่านิยมของผู้คนยุคใหม่ ที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้าก็เป็นไปในเชิงบวกมากขึ้น ทำให้ คอนติเนนทอล ออโตโมทีฟ แบงคอก และ คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์ และยางรถยนต์ระดับโลกจากเยอรมนี ได้มุ่งพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ของยางรถยนต์ ทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่ และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อนำเสนอโซลูชั่นที่พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานของผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าในทุกมิติ

Continental

มร. คาเรล คูเซรา (Mr. Karel Kucera) กรรมการผู้จัดการ คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า “สิ่งที่คอนติเนนทอลให้ความสำคัญในการผลิตยางรถยนต์ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ได้แก่ ความปลอดภัย, ความยั่งยืน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงนวัตกรรมที่ทันสมัย เพราะยางรถยนต์ถือเป็นธุรกิจที่แปรผันตรงกับอุตสาหกรรมรถยนต์ ดังนั้น การจับตามองเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคในอุตสาหกรรมนี้ จึงถือเป็นโจทย์หลักของเราที่จะนำมาพัฒนานวัตกรรมยางรถยนต์ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

ซึ่งการเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า ถือเป็นเทรนด์ที่มาแรงและสร้างความตื่นตัวให้กับเหล่าค่ายรถต่างๆ อ้างอิงได้จากงานมอเตอร์โชว์ 2024 ในขณะนี้ ที่มีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายรถที่เคยผลิตรถยนต์สันดาป รวมถึงมีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาร่วมงานมากมายที่เลือกใช้ยางคอนติเนนทอล เช่น Rolls Royce, Mercedes-Benz, BMW, Mini, Audi, KIA, Honda, Nissan, BYD, GWM, MG รวมถึงแบรนด์ใหม่อย่าง Zeekr, Avatr และ Vinfast เป็นต้น”

โดยภายในงานมีรถยนต์หลายรุ่นเลือกใช้ยางคอนติเนนทอลเป็นยางที่ประกอบจากโรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มรถยนต์ EV ทั้งรุ่นปัจจุบัน และรุ่นใหม่ ที่กำลังจะเปิดตัวไม่น้อยกว่า 20 รุ่นล้วนเจาะจงเลือกใช้ยางคอนติเนนทอล เพื่อสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมในการขับขี่

ในปีนี้คอนติเนนทอล ได้นำเสนอยางรถยนต์ที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์รถยนต์ไฟฟ้าถึง 4 รุ่น

1. ContiEcoContact 6 ยางที่ให้อัตราการหมุนได้ดียิ่งขึ้น ขับขี่ได้ระยะทางมากกว่าเมื่อเทียบกับยางทั่วไป และเป็นรุ่นที่ค่ายรถยนต์ชั้นนำเลือกใช้สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า

2. ContiMaxContact 7 ยางสปอร์ตที่จะเปลี่ยนการขับขี่ประจำวันให้เป็นความสนุกยิ่งขึ้น พร้อมรองรับแรงบิดของรถแบบ EV ได้เป็นอย่างดี ให้ทุกการออกตัวและการเบรกคือความมั่นใจ

3. ContiSportContact 7 ขีดสุดแห่งยางสปอร์ตที่รถ EV ระดับพรีเมี่ยมเลือกใช้ สามารถใช้ได้ทั้งบนถนนทั่วไป และในสนามแข่ง ให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยม ตลอดจนเป็นยางที่ได้รับรางวัลมากมายจากสื่อยานยนต์ชั้นนำ

และเร็วๆ นี้ กับยางรุ่นใหม่ล่าสุด 4. Conti eContact ยางที่ถูกออกแบบเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ พร้อมนวัตกรรมพิเศษอย่าง ContiSeal™ ที่จะช่วยอุดรอยรั่วได้ทันที ตอบโจทย์รถยนต์ไฟฟ้ายุคปัจจุบันที่ไม่มียางอะไหล่ติดตั้งมา

Continental

อย่างไรก็ตาม ยางรถยนต์คอนติเนนทอลทุกรุ่นสามารถรองรับการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างเต็มสมรรถนะ ทั้งในด้านความทนทานต่อแรงบิด, การรองรับน้ำหนัก, การยึดเกาะกับพื้นถนน ตลอดจนช่วยลดแรงต้าน เพื่อทำให้วิ่งได้ไกลมากขึ้น นอกเหนือจากคุณสมบัติอันโดดเด่นเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความปลอดภัยในทุกเส้นทางแล้ว

คอนติเนนทอล ยังให้ความสำคัญในเรื่องของความยั่งยืน ภายใต้แนวคิดกระบวนการผลิตแบบ Conti Green Concept ที่นำเอาของเหลือทิ้งทางการเกษตร, โพลีเอสเตอร์จากขวด PET รีไซเคิล และวัตถุดิบหมุนเวียนรีไซเคิลอื่นๆ มาผลิตเป็นยางรถยนต์ในรุ่น UltraContact NXT ซึ่งถือว่าเป็นยางรถยนต์รุ่นแรกของโลก ที่ผลิตจากวัสดุหมุนเวียน และให้ประสิทธิภาพได้เต็มสมรรถนะ เช่นเดียวกันกับรุ่นอื่นๆ ทำให้ยิ่งเป็นการตอกย้ำตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมยางรถยนต์ด้านความยั่งยืนของคอนติเนนทอลอย่างชัดเจน

Continental

ไม่เพียงแต่การพัฒนานวัตกรรมกลุ่มยางรถยนต์เท่านั้น แต่คอนติเนนทอล ยังเดินหน้ายกระดับธุรกิจอื่นๆ ในทุกภาคส่วนภายใต้หลังคาเดียวกัน ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีด้านยานยนต์ และกลุ่มธุรกิจคอนติเทค (กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางทางเทคนิค และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีพลาสติก) โดยการผลิตชิ้นส่วนอื่นๆ ที่เป็นส่วนประกอบในรถยนต์ไฟฟ้าให้ตอบโจทย์ทุกการใช้งานของผู้ขับขี่

เช่น คาลิปเปอร์เบรก “Green Caliper” เพื่อตอบสนองรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความต้องการหลายด้าน ทั้งการลดการใช้พลังงาน, การยืดระยะทางการขับขี่ และการลดแรงเสียดทานของผ้าเบรกกับดิสก์เบรก นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาเซ็นเซอร์รุ่นใหม่ 2 ตัว สำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ได้แก่ Current Sensor Module (CSM) และระบบ Battery Impact Detection (BID) โดยมุ่งเน้นไปที่การปกป้องและรักษาประสิทธิภาพแบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น

“ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตนี้ ได้ส่งผลกระทบทางบวกต่อสังคมไทยในหลายด้าน แน่นอนว่าในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องย่อมเกิดความท้าทายเพิ่มขึ้น ซึ่งเราพร้อมสนับสนุน EV Ecosystem ในประเทศไทย ตามเป้าหมายของนโยบาย 30@30 ในการผลิตรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (ZEV: Zero Emission Vehicle) ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดในปี พ.ศ. 2573 คอนติเนนทอล มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ในทุกกลุ่มธุรกิจให้ตอบสนองต่อการใช้งาน สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ และเรายังมีเป้าหมายที่จะบรรลุสัดส่วนของวัตถุดิบที่ยั่งยืน 100% ในกระบวนการผลิตรถยนต์ให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2593 เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมแห่งการใช้พลังงานสะอาด และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้อย่างยั่งยืนด้วยเช่นกัน” มร. คาเรลกล่าวทิ้งท้าย