Chery Group

Chery Group เผย “แผนการใหญ่” เตรียมพร้อม “ลุยตลาดเมืองไทย” ปี 2024

จากทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มสดใสของประเทศไทย ส่งผลให้นักลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ หันมาให้ความสำคัญ และสนใจกับการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี และยานยนต์ไฟฟ้า ชนิดที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยานยนต์ไฟฟ้า เป็นเทรนด์ธุรกิจที่มาแรงที่สุดในยุคนี้

และนั่น ทำให้ Chery Group (เชอรี่ กรุ๊ป) ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนชั้นนำระดับโลก ตัดสินใจเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้ง พร้อมแผนเตรียมเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ นำเสนอยนตรกรรมรุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ OMODA (โอโมด้า) รถไฟฟ้า 100% และ JAECOO (เจคู่) รถอเนกประสงค์ SUV สมรรถนะสูงในปี 2024

Chery Group

Mr. Yin Tongyue, President of Chery Automobile Company Limited กล่าวเกี่ยวกับการวิจัย และพัฒนาของ Chery Group ว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 27 ปี Chery Group ได้พัฒนาเทคโนโลยีด้านยนตรกรรมอย่างไม่หยุดนิ่ง ด้วยรากฐานของการเรียนรู้ และพัฒนาเทคโนโลยี จนได้รับการยอมรับว่าเป็น “หัวใจ และความยิ่งใหญ่ของจีน” ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจัง โดยได้จัดตั้งศูนย์วิจัย และพัฒนา 5 แห่งทั่วโลก พร้อมกับวิศวกรนักวิจัยพัฒนากว่า 7,000 คน ผ่าน 5 เป้าหมายของยานยนต์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้ขับขี่อย่างแท้จริง”

“Chery Group ให้ความสำคัญกับฝ่าย R&D เป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ และทำให้บริษัทฯ มีชื่อเสียงระดับโลก โดยที่ผ่านมา Chery Group มีสิทธิบัตรจากการพัฒนาเทคโนโลยีมากกว่า 20,000 รายการ และเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอีก 135 รายการ รวมไปถึง เทคโนโลยี Super Hybrid Platform, เทคโนโลยี E0X High-Performance Electric Platform ตลอดจนเทคโนโลยีไฮบริดรุ่นที่ 3 C-DM (Chery Dual Mode) ไฮบริดไฟฟ้าสมรรถนะสูง ที่คว้ารางวัล Top Ten Engines and Hybrid Systems มาครอง”

Mr. Yin เล่าว่า “เทคโนโลยีสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีที่จะมาช่วยเรื่องความปลอดภัยเป็นหนึ่งในทิศทางหลักของการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่ Chery Group ให้ความสำคัญ ซึ่งในอีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทฯ จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานบริสุทธิ์อีกมากมาย”

“โดย Chery Group เป็นองค์กรแห่งเทคโนโลยี ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งตัวเลขการเติบโตของ Chery Group ในปี 2022 อยู่ที่กว่า 28.2% ทำให้สามารถขึ้นไปครองตำแหน่งอันดับ 2 ในอุตสาหกรรมรถยนต์จีน รวมถึงการส่งออกรถยนต์ ที่ทำตัวเลขไปแล้วกว่า 3 ล้านคันทั่วโลก จนครองอันดับหนึ่งในการส่งออกของบริษัทรถยนต์จีน”

Chery Group

“เพราะเรามีประสบการณ์มากมายในด้านการพัฒนา และการผลิต อีกทั้งเรายังให้ความสำคัญกับทุกงานในกระบวนการขาย ตั้งแต่ตัวแทนการขาย ไปจนถึงบริการหลังการขาย เพราะเราไม่ได้ขายแค่รถ แต่เราขายรถที่คนรัก เข้ากับรสนิยม และความต้องการของพวกเขา ให้พวกเขาทุกคนได้ภูมิใจกับการเป็นเจ้าของรถจาก Chery Group”

“ด้วยประสบการณ์เกือบ 3 ทศวรรษของ Chery Group ทำให้เราเข้าใจความต้องการของผู้ขับขี่ และการดำเนินธุรกิจของคู่ค้า ผ่านการพัฒนา และปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการออกแบบ และสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นไปตามมาตรฐานสากลให้ผู้ขับขี่ปลอดภัย และพึงพอใจรถยนต์สัญชาติจีนของ Chery Group สูงสุดอีกด้วย”

Chery Group

Mr. Yin พูดถึงแบรนด์รถใหม่ล่าสุดของ Chery Group ว่า “การพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งทำให้ Chery Group ได้ออกแบบ และเปิดตัวรถยนต์หลายรุ่นที่ได้รับความนิยมมาตลอด ซึ่งล่าสุดกับการเปิดตัว OMODA C5 EV (โอโมด้า ซี 5 อีวี) รถยนต์ขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรก และ JAECOO (เจคู่) รถอเนกประสงค์ SUV สมรรถนะสูง ที่ถือเป็นการรวมสุดยอดเทคโนโลยีของ Chery Group ไว้อย่างเต็มเปี่ยม ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมีการออกแบบที่ทันสมัยเรียบหรูเหนือกาลเวลา และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

Mr. Qi Jie, Thailand Country Director, บริษัท โอโมด้า แอนด์ เจคู่ ประเทศไทย จำกัด หรือ OMODA & JAECOO (Thailand) กล่าวเพิ่มเติม “Chery Group เล็งเห็นความพร้อม และศักยภาพของประเทศไทยที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น ตลอดจนอยู่ในตำแหน่งสำคัญทางเศรษฐกิจโลก ด้วยการเป็นสมาชิกองค์การความร่วมมือทางการค้าระหว่างประเทศจำนวนมาก รวมถึงเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งยังเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ทำให้ประเทศไทยพร้อมจะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาแห่งเอเชีย และเป็นหนึ่งในตลาดเชิงยุทธศาสตร์ของ Chery Group” 

“เพราะฉะนั้น ในปี 2024 นี้ Chery Group จึงเตรียมแผนเปิดตัวรถยนต์นั่งส่วนบุคคล OMODA C5 EV (โอโมด้า ซี 5 อีวี) และ JAECOO (เจคู่) รถอเนกประสงค์ SUV สมรรถนะสูง ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมกับเปิดตัวโชว์รูม และศูนย์บริการที่ครอบคลุมทุกภูมิภาค เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ในตลาดประเทศไทย”