ระบบช่วยขับขี่ในรถที่ทุกวันนี้แทบจะพบเห็นได้ในรถทุกช่วงราคาไม่ว่าจะถูกหรือแพง เพราะบางอย่างเป็นสิ่งที่กฎหมายบังคับให้ต้องมี แต่ดูเหมือนว่าบางสิ่งอาจจะยังไม่พร้อม
โดยล่าสุด พบข้อมูลว่าผู้ผลิตรถยนต์ต้องการให้หน่วยงานด้านความปลอดภัย (NHTSA) ที่กำลังจะบังคับให้ติดตั้งเทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติในรถยนต์โดยสารทุกคันของสหรัฐฯ ภายในปี 2029 ให้เลื่อนออกไปก่อน
ซึ่งผู้ที่คัดค้านคือ The Alliance for Automotive Innovation ซึ่งเป็นตัวแทนของ GM, Volkswagen และ Toyota อ้างว่าข้อกำหนดสำหรับยานพาหนะเพื่อให้สามารถหยุดและหลีกเลี่ยงการชนที่ความเร็วสูงสุด 100 กม. / ชม. นั้นไม่สามารถทำได้ด้วยเทคโนโลยีเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และอาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุมากยิ่งขึ้น
โดยผู้คัดค้านได้อ้างว่าระบบ AEB จะทำให้รถยนต์ช้าลงเร็วกว่าที่มนุษย์ขับ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการชนท้ายรถบนถนนในอเมริกา ก่อนหน้านี้ NHTSA ตัดสินใจในเดือนเมษายน โดยประเมินว่าการบังคับ AEB สามารถช่วยชีวิตคนได้ 360 คนต่อปี โดยคำตัดสินมีรากฐานมาจากคำสั่งของสภาคองเกรสในปี 2021 ที่บอกให้ NHTSA หาแนวทางที่เหมาะสมในการบังคับใช้ระบบ AEB ในรถทุกคันที่วางขายในอเมริกา
การเพิ่ม AEB ให้กับรถยนต์จะต้องมีเซ็นเซอร์และกล้องในรถเพิ่ม เพื่อบอกรถเมื่อมีแนวโน้มที่จะเกิดการชนกัน และนั่นจะเพิ่มต้นทุนการผลิตอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เนื่องจากปัจจุบันไม่มีมาตรฐานอุตสาหกรรมเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ AEB แม้แต่รถยนต์หลายคันที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ไม่น่าจะเป็นไปตามเกณฑ์ที่เข้มงวดของ NHTSA ทำให้อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้มีการคัดค้านจากผู้ผลิตรถยนต์
ที่มา carscoops