ผลสำรวจพบว่า 46% ของผู้ใช้รถ EV ในอเมริกาต้องการกลับไปใช้เครื่องสันดาป

ดูเหมือนว่ารถ EV จะไม่ได้เหมาะสำหรัยทุกคน และก่อนหน้านี้มีข่าวมาตลอดว่ายอดขายและความต้องการของรถไฟฟ้ามาแนวโน้มลดลง รวมทั้งการลงทุนของหลายค่ายรถที่เริ่มชะลอการผลิตและพัฒนารถ EV ลงแม้ว่าโดยรวมยังคงผลิตอยู่

และล่าสุดจากการสำรวจครั้งใหม่โดย McKinsey & Co. พบว่าเจ้าของรถ EV มากถึง 46% ในสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มที่จะเลือกซื้อรถยนต์ที่ใช้พลังงานสันดาปสำหรับการซื้อครั้งต่อไป

นอกจากนี้รายงานของ Automotive News ผลลัพธ์ชี้ให้เห็นว่า 29 % ของเจ้าของ EV ทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะกลับไปใช้ ICE ในการเลือกซื้อรถคันต่อไป ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการละทิ้งรถไฟฟ้าคือโครงสร้างพื้นฐานของสถานีชาร์จสาธารณะ และราคาของรถ EV ที่มีราคาสูง รวมทั้งความจำเป็นต้องค้นหารถยนต์ที่เหมาะสมกว่าสำหรับการเดินทางไกล

ส่วนการสำรวจในอเมริกา 46% หรือเกือบครึ่งของคนที่ใช้รถ EV ที่อยากกลับไปใช้รถสันดาป ได้อ้างว่าพวกเขาได้รับผลกระทบจากการเปิดตัวโครงการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรถไฟฟ้าที่ไม่ได้สร้างรวดเร็วอย่างที่คิด และ ดร. Philipp Kampshoff หัวหน้าศูนย์การเคลื่อนไหวแห่งอนาคตของ McKinsey ได้กล่าวว่าในอนาคตมันจะแย่ลงกว่านี้ เพราะผู้ที่ซื้อรถ EV รุ่นต่อไป จะต้องพึ่งพาการชาร์จสาธารณะมากกว่าปัจจุบันมาก

นอกจากนี้การสำรวจยังพบว่า 21 เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าร่วมไม่ต้องการซื้อ EV เลย และส่วนที่น่าสนใจของการสำรวจคือความคาดหวังของผู้ใช้รถที่ต้องการระยะทางขั้นต่ำต่อการชาร์จ 1 ครั้งเพิ่มขึ้นจาก 270 ไมล์ (435 กม.) ในปี 2022 เป็น 291.4 ไมล์ (469 กม.) ในปี 2024

แม้จะมีข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้รถไฟฟ้า แต่ในการสำรวจพบว่า ร้อยละ 38 ของผู้ที่ยังไม่เคยใช่รถไฟฟ้าทั่วโลกจะพิจารณาซื้อรถ PHEV หรือรถไฟฟ้าล้วนในการซื้อครั้งต่อไป ซึ่งเพิ่มขึ้น 1 เปอร์เซ็นต์จากเมื่อสองปีที่แล้ว

ที่มา carscoops