McLaren Bangkok (ในเครือ Niche Cars) โดยมี นายวิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการ ได้ออกมาตอกย้ำความมั่นใจให้ผู้ที่ชื่นชอบซูเปอร์คาร์ว่า McLaren Artura เป็นนวัตกรรมที่ McLaren Automotive เคี่ยวกรำจากทุกประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในหลากหลายด้าน อาทิ วิศวกรรมด้านวัสดุน้ำหนักเบา เครื่องยนต์และระบบไฮบริด ความคล่องตัวในการขับขี่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่คุณไม่สามารถหาได้ในซูเปอร์คาร์รุ่นอื่น
ด้วยปรัชญาของ McLaren Artura มีจุดเริ่มต้นจากการริเริ่มวิจัยและพัฒนาเพื่อนำเทคโนโลยีไฮบริดมาใช้กับ McLaren P1 ตามด้วย McLaren Speedtail และสำหรับ McLaren Artura นั้น ทีมของ McLaren Automotive ได้กลั่นกรองประสบการณ์ที่สั่งสมมาเพื่อพัฒนาให้ McLaren Artura เป็นซูเปอร์คาร์แห่งอนาคตอย่างแท้จริงที่ให้ความสนุกในการขับขี่บนสนามแข่ง และยังขับขี่ในเมืองได้ ด้วยโหมดไฟฟ้า 100% ซึ่งสามารถไปได้ไกลในระยะ 30 กิโลเมตร เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่เน้นเดินทางในระยะสั้น ๆ ขณะเดียวกันก็ยังต้องการความมีระดับในทุกการขับขี่
อีกแนวคิดหนึ่งในการพัฒนา McLaren Artura คือ การรักษาสมดุลระหว่างองค์ประกอบของระบบต่าง ๆ ที่เหล่าวิศวกรและดีไซเนอร์ได้เพิ่มเติมลงไปในซูเปอร์คาร์รุ่นนี้ ซึ่งสมดุลหนึ่งที่สำคัญมาก อันดับแรก คือ การวางตำแหน่งของแบตเตอรี่ โดยไม่กระทบน้ำหนักรถยนต์โดยรวม เนื่องจากน้ำหนักรถยนต์จะมีผลต่อสมรรถนะทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อัตราเร่ง การเบรก การเข้าโค้ง เราจึงจำเป็นต้องทำให้ซูเปอร์คาร์รุ่นนี้เบาให้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ และความเชี่ยวชาญของ McLaren Automotive ในด้านวิศวกรรมวัสดุ (โดยเฉพาะวัสดุเบา) เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อชดเชยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากแบตเตอรี่และระบบไฮบริด และนวัตกรรมแห่งอนาคตที่เราได้มาจากแนวคิดในการพัฒนาดังกล่าวข้างต้น คือ McLaren Carbon Fibre Lightweight Architecture (MCLA) ที่เป็นแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดของเรา อีกทั้งยังเสริมด้วย High Performance Hybrid (HPH) Powertrain สิ่งเหล่านี้เกิดจากการประมวลประสบการณ์และความคิดเห็นของทีมต่าง ๆ อย่างรอบด้านให้บรรลุเป้าหมายหนึ่งในการผสานองค์ประกอบต่าง ๆ ของซูเปอร์คาร์รุ่นนี้ให้ลงตัวและมีน้ำหนักรถยนต์โดยรวม (ไม่รวมของเหลว) น้อยที่สุดเท่ากับ 1,395 กิโลกรัม
แพลตฟอร์ม McLaren Carbon Fibre Lightweight Architecture (MCLA) ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ 1) Carbon Fibre Monocoque 2) Electrical architecture 3) Chassis and suspension structure โดยเราพัฒนาแพลตฟอร์ม MCLA ขึ้นใหม่ทั้งหมดให้เหมาะกับรายละเอียดรถยนต์ที่เราต้องการ อีกทั้งยังยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้หลากหลายกว่ารุ่นแรกสำหรับซูเปอร์คาร์ของเรา แก่นของแพลตฟอร์มนี้ คือ Carbon Fibre Monocoque ซึ่งปลอดภัยกว่า แข็งแรงกว่า และแน่นอน เบากว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ เราออกแบบให้มีช่องว่างที่ด้านท้ายของ Carbon Fibre Monocoque สำหรับติดตั้ง High Voltage battery ในตำแหน่งที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และแบตเตอรี่เหล่านี้ได้รับการปกป้องรอบด้านอย่างปลอดภัยด้วยผนังคาร์บอนไฟเบอร์
นอกจากนี้ McLaren Artura ยังมาพร้อมกับ Ethernet Electrical Architecture ใหม่ล่าสุด ซึ่งใช้คอนโทรลเลอร์หลัก 4 ชุด และระบบเครือข่ายแบบใหม่สำหรับยานยนต์ ทำให้ได้ Bandwidth ความเร็วสูงและเพิ่มขึ้น ทำให้น้ำหนักของชุดสายไฟและการวางระบบไฟฟ้าลดลงถึง 25% เพิ่มเติมจากการนำเทคโนโลยีล่าสุดมาใช้กับ McLaren Artura ด้วย Lightweight and innovative architecture ทำให้เราสามารถสร้างแชสซีส์แบบใหม่ที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ อาทิ E-Differential แนวคิดระบบช่วงล่างหลังใหม่แบบมัลติลิงก์ Proactive Damping Control เข้าคู่กันกับระบบต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้ว ได้แก่ ระบบพวงมาลัยแบบไฮดรอลิก ยาง Pirelli P-Zero ฯลฯ เพื่อความคล่องตัวและเสถียรภาพในการขับขี่ นอกจากนี้ High Performance Hybrid (HPH) Powertrain ยังเอื้อให้ McLaren Artura มีสมรรถนะ เหนือคู่แข่งด้วยเครื่องยนต์ V6 ที่เบากว่า (ถึง 50 กิโลกรัม) แต่ให้แรงม้าที่มากกว่าเครื่องยนต์ V8 เพื่อลดน้ำหนักโดยรวมของรถยนต์ลงโดยไม่ได้สูญเสียสมรรถนะ ในทำนองเดียวกัน McLaren Artura ก็มาพร้อมระบบเกียร์ 8 สปีด ที่ปราศจากเกียร์ถอยหลัง แต่ใช้ Axial Flux Motor แทน เพื่อควบคุมให้รถยนต์ถอยหลังได้