เมือง “ริมินิ” ใจกลาง “มอเตอร์ วัลเลย์” กลายเป็นเวทีที่ มาเซราติจัดกิจกรรม “Folgore Day” โดยมีคนวงในของอุตสาหกรรมยานยนต์ และสื่อมวลชนชั้นนำ เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในกิจกรรมพิเศษ ที่ตรงกับวันครบรอบ 110 ปี ของค่ายตรีศูล นับเป็นการเฉลิมฉลองทั้งในเชิงธุรกิจ และความสำเร็จบนสนามแข่ง ตลอดจนการสรรสร้างยนตรกรรมระดับไอคอนของวงการยานยนต์ และมอเตอร์สปอร์ต นอกจากนี้ “Folgore Day” ยังเปรียบเสมือนการก้าวสู่ยุคของยนตรกรรมไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ ผ่าน Maserati สายพันธุ์ Folgore ที่พร้อมนำเสนอทิศทางของค่ายในอนาคต สู่สารธารณชนทั่วโลก
เส้นทางสู่เทคโนโลยียนตรกรรมไฟฟ้า นวัตกรรม ความหรูหรา และความเป็นเลิศในสไตล์อิตาเลียนของมาเซราติ เริ่มขึ้นช่วงปีที่ผ่านมากับการเปิดตัว GranTurismo Folgore ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของค่าย นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัว Grecale Folgore เอสยูวีรุ่นแรกที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน และ GranCabrio Folgore เวอร์ชั่นเปิดประทุนของยนตรกรรม GT ยอดนิยมอีกทั้งในปี 2568 ก็เตรียมที่จะเปิดตัว MC20 Folgore ที่สุดแห่งซูเปอร์สปอร์ตคาร์ด้วยเช่นกัน
ภายในปี 2571 ยนตรกรรมทุกรุ่นของ มาเซราติจะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ตามได้ประกาศวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ระยะยาวไว้เมื่อต้นปี 2567 ซึ่งรวมถึงการสร้างแผนการเติบโตที่มุ่งเน้นการสร้างกำไรอย่างยั่งยืนในอนาคต ตลอดจนให้ความสำคัญกับการพัฒนาแบรนด์ และผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตามแผนดังกล่าว มาเซราติ ทุกรุ่นจะได้รับการออกแบบ พัฒนา และผลิตในอิตาลีทั้งหมด โดยมีโมเดนา และโรงงานดั้งเดิมที่ Viale Ciro Menotti เป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนสู่ยุคใหม่แห่งการเดินทาง
“Folgore Day” นับเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการเดินทางครั้งใหม่ของมาเซราติ และลูกค้าผู้นิยมความหรูหรา ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำหรับยนตรกรรมไฟฟ้าจากค่ายตรีศูล ที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีอันโดดเด่น รูปลักษณ์สง่างามผสานความประณีต และสมรรถนะเหนือระดับ อันเป็นสัญลักษณ์ของมาเซราติ ที่สะท้อนถึงความต้องการของตลาดที่กำลังเปลี่ยนแปลง
“Folgore” นับได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะจุดประกายการก้าวสู่อนาคตอย่างทรงพลังราวสายฟ้าฟาด (Made in Thunder) ที่มาเซราติได้ก้าวสู่ศักราชใหม่ในฐานะแบรนด์หรูจากอิตาลี เพื่อผลิตยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน ณ มอเตอร์ วัลเลย์ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งวาระ ที่ความคิดสร้างสรรค์ และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของพนักงานค่ายตรีศูล ได้ร่วมกันรังสรรค์ยนตรกรรมสายพันธุ์ “Folgore” ที่จะนำพาแบรนด์ไปสู่อนาคตอย่างยั่งยืน
“Folgore Day” จัดขึ้นหลังจบการแข่งฟอร์มูล่า อี ที่สนาม มิซาโน เวิลด์ เซอร์กิต มาร์โก ซิมอนเชลลี (Misano World Circuit Marco Simoncelli) ซึ่งเป็นการแข่งรถยนต์ไฟฟ้าที่นั่งเดี่ยว ระดับเวิลด์แชมเปี้ยนชิปครั้งแรกในอิตาลี ซึ่ง มาเซราติ เป็นยนตรกรรมหรูจากอิตาลีแบรนด์เดียวที่เข้าร่วม เริ่มพิธีด้วยการกล่าวต้อนรับสื่อมวลชน โดย มร.ดาวิเด กราสโซ (Davide Grasso) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มาเซราติ พร้อมเล่าถึงช่วงเวลาอันสำคัญของแบรนด์ในฐานะตัวแทนความหรูหราของอิตาลี รวมถึงสัญลักษณ์แห่งสุดยอดนวัตกรรม และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีรวมทั้งอนาคตที่จะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ตลอดจนกล่าวถึงวิสัยทัศน์ระยะยาว กับการพัฒนายนตรกรรมสายพันธุ์ “Folgore” และขอให้ทุกท่านรอชมการเปิดตัวยนตรกรรมไฟฟ้ารุ่นล่าสุด GranCabrio Folgore ในช่วงค่ำ
พร้อมกันนี้ มร.จิโอวานนี เพโรซิโน (GiovanoPerosino) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด ยังได้มาบอกเล่าถึงคุณค่าของแบรนด์ และความสำเร็จของยุค “Folgore” รวมทั้งเปิดตัวแคมเปญระดับโลก It Turns You On จากนั้นมร. เดวิด ดาเนซิน (Davide Danesin) หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของมาเซราติ ได้ขึ้นกล่าวถึงการพัฒนาด้านวิศวกรรม ปิดท้ายด้วย มร. เคลาซ์บุสซ์ (Klaus Busse) หัวหน้าฝ่ายออกแบบ ที่ได้มานำเสนอการพัฒนาด้านดีไซน์ สไตล์ และเทคโนโลยี ของยนตรกรรมค่ายตรีศูล
นอกจากนี้ มาเซราติ ได้แนะนำงาน 3 ไฮไลท์ ของงานนี้ ได้แก่ การเดินทางที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า (Electric Mobility), โปรแกรม Maserati Fuoriserie ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้ากำหนดรายละเอียดต่างๆ ของรถได้ตามชอบ ไทรเดนเต้ (Tridente) เรือสุดหรูที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ตรง และเข้าใจแนวทางใหม่ของมาเซราติได้อย่างชัดเจน
โซนการเดินทางด้วยยนตรกรรมไฟฟ้า จัดแสดง Grecale Folgore เอสยูวีไฟฟ้า 100%เพื่อแสดงความล้ำสมัยของการติดตั้งระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ติดตั้งแบตเตอรี่กำลังสูงไว้ใต้ตัวถัง จึงไม่กระทบกับพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสาร ที่นับว่ากว้างที่สุดในรถยนต์กลุ่มเดียวกัน การจัดแสดง Wall Charge ของ Folgore ที่ดูหรูหรา รวมไปถึงการนำชุดเพลาขับหน้า-หลัง และแบตเตอรี่แพ็กของ GranTurismo Folgore มาให้ได้ชมกันอย่างใกล้ชิด
ฟูโอริเซรี (Fuoriserie) – การเลือกโทนสี และวัสดุของยนตรกรรมสายพันธุ์ โฟลกอเร (Folgore) คือ พื้นที่ซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกค้า กำหนดรายละเอียดต่างๆ ของรถได้ตามชอบ โดยมี Configuration Box และองค์ประกอบต่างๆ ที่จะช่วยให้แรงบันดาลใจในการรังสรรค์ยนตรกรรมคันโปรด รวมทั้งมีเบาะของ Grecale ที่ผ่านการตัดเย็บอย่างประณีต โดนผสมผสานสีดำ (Nero) และเทา (Ghiaccio) ให้ดูตัดกันอย่างโดดเด่น พร้อมปักสัญลักษณ์ตรีศูลด้วยด้ายสีแดง (Rosso Trofeo) บริเวณพนักพิงศีรษะ
หรือเบาะ MC20 Cielo รุ่นพิเศษ Opera d’Arte ที่ใช้เลเซอร์ในการตัดหนังสังเคราะห์อัลคันทาร่า มาพร้อมสีสัน และลวดลายสุดพิเศษ สะท้อนความคิดสร้างสรรค์ ความโดดเด่น และความประณีตอันเป็นเอกลักษณ์แบบบีสโปค (Bespoke) ปิดท้ายด้วยผนังที่แสดงตัวอย่างสีรถ และชุดล้ออัลลอยแบบพิเศษ ภายใต้คอลเล็กชั่น Corse และ Futura
ความร่วมมือระหว่างมาเซราติ และวีต้า พาวเวอร์ (Vita Power) เกิดเป็นผลงานพิเศษคือ ไทรเดนเต้ (Tridente) เป็นเรือสุดหรูขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า นับเป็นการขยายขอบเขตกลยุทธ์การพัฒนาระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าจากทางบกสู่ทางน้ำอย่างสมบูรณ์แบบ
ด้วย วีตา พาวเวอร์ และมาเซราติ มีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการพัฒนาระบบขับเคลื่อนแห่งอนาคตด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ความหรูหราเหนือระดับ แต่ยังคงรักษาความโดดเด่น ทั้งด้านสมรรถนะ และความสง่างาม โดยเป็นบริษัทเทคโนโลยียานยนต์ทางน้ำ ก่อตั้งขึ้นด้วยความมุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการพัฒนาระบบไฟฟ้า และระบบนิเวศ สำหรับขุมพลังไฟฟ้าอันทรงพลัง รวมถึงเรือยอทช์ไฟฟ้า พร้อมโครงข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้ากำลังสูง
ไทรเดนเต้ (Tridente) มีความยาว 10.5 เมตร ออกแบบมาสำหรับการแล่นในทะเลสาบ หรือชายฝั่ง รองรับผู้โดยสารสูงสุด 8 ท่าน ทำความเร็วเฉลี่ย 25 น็อต และความเร็วสูงสุด 40 น็อต และสามารถชาร์จไฟเต็ม ด้วยแท่นอัดประจุไฟฟ้ากระแสตรง (DC-Direct Current) ภายในหนึ่งชั่วโมง โครงสร้างผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ภายใต้มาตรฐานสูงสุดของ ฮอดจ์ดอน ยอทช์ส (Hodgdon Yachts) อู่ต่อเรือชื่อดังในรัฐเมน สหรัฐอเมริกา ประวัติยาวนานกว่า 200 ปี ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อเรือซูเปอร์ยอชท์โดยเฉพาะ
ภาพยนตร์โฆษณา It Turns You On และเพลงประกอบจาก Damiano David เปิดตัวในงาน Folgore Day สะท้อนถึงพลังความมุ่งมั่นในการก้าวสู่ยุดใหม่ของมาเซราติ เปิดตัวด้วยเพลงจากศิลปิน และนักแต่งเพลงชั้นนำชาวอิตาเลียน ดามิอาโน เดวิด (Damiano David) ศิลปินติดชาร์ตระดับโลก ที่มาพร้อมเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ ผสานวงร็อกสัญชาติอิตาเลียน โมเนสกิน (Måneskin)
ส่วนภาพยนตร์ยาว 90 วินาที เป็นผลงานสร้างสรรค์ของเอเจนซี่ Naïveและผลิตโดย Buddy Film กำกับโดย กาเบรียล เมเนตติ (Gabriele Mainetti) ผู้กำกับชื่อดังระดับโลกชาวอิตาเลียน โดยมี ดิเอโก อินดรักโคโล (Diego Idraccolo) เป็นผู้กำกับภาพ และ เปาโล แซร์บินี (Paolo Zerbini) และแม็กซ์ ซารอตโต (Max Sarotto) สองช่างภาพยอดฝืมือ รับหน้าที่บันทึกภาพนิ่งที่สะท้อนตัวตนของ มาเซราติ ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นความมุ่งมั่น วิสัยทัศน์ นวัตกรรม จิตวิญญาณ ของชาวอิตาเลียน สัญชาตญาณ ความมุ่งมั่น และความกระตือรือร้น สไตล์ของแคมเปญโฆษณานี้ยังเต็มไปด้วยความหลงใหลในรูปลักษณ์ความโดดเด่น และแตกต่างจากคนอื่น สะท้อนการใช้ชีวิตแบบ เรียบง่ายแต่หรูหรา งดงาม (Dolce Vita) สไตล์อิตาเลียน อันเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนทั่วโลก
ซึ่งตั้งแต่เช้าจรดค่ำ งาน Folgore Day คือ เวทีที่มาเซราติได้บอกเล่าเรื่องราวของ Folgore ในทุกมิติ และพร้อมจะนำพาค่ายตรีศูลไปสู่อนาคตแห่งยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าอย่างยั่งยืน และแท้จริง