MG Motor Show 2024

MG ฉลองแบรนด์ “ครบรอบ 100 ปี” ส่งหลายรุ่นใหม่ลุยงาน Motor Show 2024

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ฉลองครบรอบ 100 ปี พร้อมเดินหน้าสร้างสีสันให้วงการยานยนต์ไทย ด้วยการส่งยนตรกรรมใหม่เปิดตัวอย่างต่อเนื่อง นำโดย New MG Cyberster สปอร์ตโรดสเตอร์ไฟฟ้า เปิดประทุน 2 ที่นั่ง รุ่นพวงมาลัยขวา ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน

MG Motor Show 2024

ตามด้วยแฮทช์แบ็คไฟฟ้าที่ขับสนุก และเร้าใจอย่าง New MG4 Electric นำโดยรุ่น X Power และอีก 2 รุ่นที่ผลิตภายในประเทศ กับ รุ่น Standard Range และรุ่น Long Range ต่อเนื่องด้วย บิ๊กเซอร์ไพรส์ ที่เปิดโอกาสให้คนไทยได้สัมผัส และเป็นเจ้าของก่อนใคร กับ E-MPV ไซส์กลาง อย่าง New MG Maxus 7 ก่อนปิดท้ายด้วยสปอร์ตคูเป้ซีดาน ที่แตกต่างกว่าใครกับ New MG5 Pro โฉมล่าสุด มาพร้อมห้องโดยสารกว้างที่สุดในเซกเมนต์ และการออกแบบโฉมใหม่ที่ดูโฉบเฉี่ยวกว่าเดิม

MG Motor Show 2024

นาย ซู๋ว หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของแบรนด์เอ็มจีในการสร้าง “สีสัน” ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และเป็นการเดินหน้าแบรนด์สู่หมุดหมายใหญ่ในการเป็น Top 3 ของอุตสาหกรรม พร้อมสะท้อนให้เห็นถึงแนวทาง และทิศทางของแบรนด์ ที่มุ่งขยายไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligent) เข้ามาใช้ในการทำงาน รวมถึงแนะนำผลิตภัณฑ์ เอ็มจี ให้กับลูกค้าภายในงาน ด้วยยนตรกรรมที่มีความหลากหลาย เพิ่มทางเลือกให้ครอบคลุมในทุกไลฟ์สไตล์ โดย เอ็มจี นำทัพยนตรกรรมรุ่นใหม่ มาเปิดตัวพร้อมกันมากที่สุดถึง 4 รุ่น อีกทั้งยังมีแคมเปญพิเศษ สำหรับยนตรกรรมที่ครบในทุกรูปแบบการขับเคลื่อน”

เปิดขบวนกับ New MG Cyberster “การกลับมาอีกครั้งของตำนานสปอร์ตโรดสเตอร์” (The Legend is Back) แบบเปิดประทุน 2 ที่นั่ง พลังงานไฟฟ้า ที่สร้างตำนานบทใหม่ด้วยภารกิจฉลองครบรอบ 100 ปี อย่าง “Charging Into The Future” กับการเดินทางข้ามผ่านเส้นทางมากกว่า 25 ประเทศ รวมระยะทางกว่า 16,000 กิโลเมตร โดยฝาแฝด “The Turner Twins” ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

MG Motor Show 2024

และในวันนี้ New MG Cyberster พวงมาลัยขวา พร้อมเปิดตัวเป็นประเทศแรกของภูมิภาคอาเซียน โดยถือเป็นยนตรกรรมรุ่นเรือธงของ เอ็มจี ในการบุกตลาดอีวีทั่วโลก ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นจากการออกแบบโดย SAIC’s Advanced Design Studio ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร สะกดทุกสายตา ด้วยประตูปีกนก แบบปุ่มสัมผัสเปิด-ปิด มาพร้อมกับหลังคาซอฟต์ท็อป, กระจังหน้าเรียวยาว และไฟหน้าที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Eye of the Storm ตามด้วยในส่วนของไฟท้ายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธงยูเนี่ยนแจ็ค รับกับเส้นสายด้านข้างที่มีความโค้งมน และล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารมากับสีทูโทน ตกแต่งด้วยวัสดุ Soft Touch พร้อมเบาะนั่งแบบ Y-Shape ที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ หุ้มด้วยวัสดุพรีเมี่ยมอย่างหนัง Nappa สลับหนัง Alcantara อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ ไม่ว่าจะเป็นจอ Dashboard Triple-Screen ขนาด 7 นิ้ว ขนาด 10.25 นิ้ว และขนาด 7 นิ้ว จำนวน 3 จอเรียงต่อกัน พร้อมระบบอัจฉริยะ i-Smart, ระบบเสียงคุณภาพจาก Bose พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง

ในด้านสมรรถนะ อัดแน่นด้วยขุมพลังมอเตอร์คู่ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุดที่ 544 แรงม้า (400 กิโลวัตต์) พร้อมแรงบิดสูงสุด 725 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 3.2 วินาที มาพร้อมแบตเตอรี่ Ultra-Thin Rubik’s Cube ความจุ 77 kWh สามารถวิ่งได้ระยะทาง 503 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC, ระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ, ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Double Wishbone และด้านหลังแบบอิสระ Multi-link ตลอดจนจัดเต็มด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน Advanced Synchronized Protection System ถึง 26 ระบบ ซึ่งครอบคลุมระบบความปลอดภัย ADAS ไว้อย่างครบถ้วน

MG Motor Show 2024

New MG4 Electric รถแฮทช์แบ็คพลังงานไฟฟ้า 100% มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “ICON” นิยามของการเป็นต้นแบบ และมาตรฐานใหม่ของรถอีวีที่ขับสนุก พัฒนาบนแพลตฟอร์ม Nebula Pure Electric Platform ที่ดีไซน์มาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ พร้อมจุดเด่นอันหลากหลาย เช่น การกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50, ตัวถังมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ (Low Centre of Gravity), ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังอิสระแบบ 5-Link Suspension พร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐาน Advanced Synchronized Protection System ถึง 26 ระบบ

โดย เอ็มจี ได้ต่อยอดความสำเร็จของยนตรกรรมรุ่นนี้ด้วยการเพิ่มรุ่นที่ถือเป็น ICON ของ New MG4 Electric อย่าง X Power ที่มาพร้อมขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุด 435 แรงม้า (320 กิโลวัตต์) พร้อมแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 3.8 วินาที เสริมด้วยแบตเตอรี่ Rubik’s Cube Battery ขนาดความจุ 64 kWh (NMC) ที่สามารถวิ่งทำระยะทางได้ถึง 480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้งตามมาตรฐาน NEDC

ภายนอกโดดเด่นด้วยโทนสีใหม่ สีเขียว Wild Hunter Green พร้อมหลังคาแบบทูโทน (Blacktop), ล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว และภายในให้ความสปอร์ตพรีเมี่ยม ด้วยวัสดุหุ้มเบาะที่ผสมผสานระหว่างหนังสังเคราะห์ และหนังอัลคันทาร่า เพิ่มเติมระบบ One Pedal เข้ามา เฉพาะในรุ่น X Power

ส่วนรุ่นที่ผลิตจากสายการผลิตในไทยอย่างรุ่น Standard Range (49kWh) สามารถวิ่งทำระยะทางได้ถึง 423 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC และรุ่น Long Range (64kWh) สามารถวิ่งทำระยะทางได้ที่ 540 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC เพื่อมอบ “ความเป็นที่สุด” ของ“แฮทช์แบ็คอีวีที่ขับสนุก”(The Best Enjoyable EV) ซึ่งทั้ง 2 รุ่น จะมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังสูงสุดที่ 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร

ทั้งยังมีการปรับเปลี่ยน และเพิ่มเติมฟังก์ชั่นทั้งภายนอก และภายในรถ อาทิ ระบบ Adaptive Grille ช่วยระบายความร้อนของรถแบบอัตโนมัติ มาพร้อมการติดตั้งใบปัดน้ำฝนด้านหลัง, หน้าจอสีระบบสัมผัสที่ปรับให้ใหญ่ขึ้นจาก 10.25 นิ้ว เป็น 12 นิ้ว ทั้งยังเพิ่มช่องวางแก้วด้านข้างประตู และราวมือจับสำหรับผู้นั่งโดยสาร (Assist Grip) 3 ตำแหน่ง มาเป็นมาตรฐาน ส่วนล้ออัลลอยด์ของรุ่น รุ่น Standard Range จะมากับขนาด 17 นิ้ว พร้อม Aero Wheel Cover ขณะที่รุ่น Long Range จะมากับล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว พร้อมสีตัวถังใหม่ คือ สีส้ม (Fizzy Orange) 

MG Motor Show 2024

New MG Maxus 7 ยนตรกรรม E-MPV ไซส์กลาง ขนาด 7 ที่นั่ง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ากลุ่มครอบครัวสมัยใหม่ พร้อมฟังก์ชั่น และฟีเจอร์ที่ทันสมัย ตลอดจนงานดีไซน์ที่โดดเด่นตามแบบฉบับของ MG Maxus Series ทั้งงานออกแบบ และฟังก์ชั่นการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น ประตูสไลด์ด้านข้างเปิด – ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมฝาท้ายไฟฟ้า, ที่เปิดประตูแบบเก็บซ่อนในตัวรถ และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ

ภายในเน้นเรียบหรู ด้วยโทนสีดำ และสีน้ำตาล กับดีไซน์คอนโซลหน้าแบบ Dual Layer พร้อมที่วางแก้ว รองรับการชาร์จแบบไร้สาย, เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และห้องโดยสารที่ให้ความสบายมากกว่า พร้อมที่นั่งแบบ Captain Seat ในแถวที่ 2 ซึ่งโอบรับกระชับทุกสรีระ นอกจากนี้ ยังช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการขับขี่ และการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ด้วยหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ตลอดจนสามารถเปลี่ยนรถให้เป็นแหล่งพลังงานได้ด้วยระบบ V2L ที่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าระดับ 6.6 kW

นอกจากนี้ New MG Maxus 7 ยังมากับสมรรถนะชั้นเยี่ยม ด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดที่ 245 แรงม้า พร้อมแรงบิด 350 นิวตัวเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ขนาดความจุ 90 kWh สามารถวิ่งได้ระยะทางกว่า 480 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP

MG Motor Show 2024

New MG5 Pro สปอร์ตคูเป้ซีดานโฉมล่าสุด มีการปรับให้โฉบเฉี่ยวสะกดทุกสายตายิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ Black Chrome Gladius Grille Design เสริมความเป็นสปอร์ตพรีเมี่ยมด้วยวัสดุ Smoke Chrome รอบคันและล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วสีดำ ประกบไฟหน้า และไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ใหม่

ภายในห้องโดยสารกว้างสุดในเซ็กเมนต์ จัดเต็มด้วยฟังก์ชั่นที่ให้มาครบครัน พร้อมดีไซน์สุดล้ำโดยเฉพาะการออกแบบคอนโซลกลางแบบ Driver-Focus Cockpit ให้องศาที่เหมาะกับตำแหน่งคนขับ, เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง, หลังคาซันรูฟขนาดใหญ่ ทั้งยังคำนึงถึงผู้ใช้รถด้วยช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, หน้าจอทัชสกรีนขนาด 10 นิ้ว และหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple Car Play และ Android Auto แบบไร้สาย รวมถึงระบบกุญแจแบบ Digital Key ที่สามารถรับ-ส่งโค้ดผ่านทางแอพพลิเคชั่น i-Smart โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องใช้กุญแจในการสตาร์ท

ตลอดจนมอบความมั่นใจ ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System ที่ทำงานประสานกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ, ระบบป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA, ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน, ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Detection System, ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง 3 มิติ, ระบบควบคุมการทรงตัวในขณะเข้าโค้ง, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และการลื่นไถล, ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน, ถุงลมนิรภัย 6 จุด มาพร้อมสีตัวถังที่มีให้เลือกมากถึง 6 สี พร้อมสีใหม่ คือ สีเขียว Mineral Green เป็นไฮไลท์