BMW Thailand (บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย) เผยโฉม BMW i5 ยนตรกรรมซีดาน ที่จะมาต่อยอดความสำเร็จของตระกูล 5 Series ด้วยเทคโนโลยีระดับไฮคลาส เพื่อสร้างประสิทธิภาพการขับขี่ที่เหนือชั้น ภายใต้รูปโฉมที่โฉบเฉี่ยวหรูหรา พร้อมมอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยมบนท้องถนนหลากหลายรูปแบบ ทั้งความคล่องแคล่วที่สัมผัสได้จากหลังพวงมาลัย และความสะดวกสบายระดับผู้บริหารจากเบาะหลังในทุกอิริยาบถ
โดย BMW i5 ใหม่ จะเข้ามาพลิกโฉมวงการยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมี่ยมด้วย 2 ทางเลือกรุ่นย่อย คือ BMW i5 eDrive40 M Sport ที่พร้อมนำเสนอประสบการณ์การขับขี่อันยืดหยุ่นรองรับทุกสถานการณ์ และ BMW i5 M60 xDriveที่อัดแน่นด้วยประสิทธิภาพการขับขี่ระดับแนวหน้า ผสานความแรงจากตระกูล M เข้ากับนวัตกรรมล้ำยุคจากตระกูล i อย่างลงตัว
มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน และซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยกล่าวว่า “BMW 5 Series ถือเป็นยนตรกรรมที่ประสบความสำเร็จอย่างเยี่ยมยอดมาตลอดเวลากว่าครึ่งศตวรรษ และการเปิดตัว BMW i5 รุ่นใหม่ ในวันนี้ก็นับเป็นก้าวแรกของ 5 Series บนเส้นทางใหม่ กับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% สะท้อนถึงตัวตนของผู้ขับขี่ที่เป็นผู้นำ เปี่ยมด้วยความกล้าที่จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตที่ดีกว่า”
“เรารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัว BMW i5 ใหม่ ให้นักขับชาวไทยได้สัมผัสกันเป็นครั้งแรกในวันนี้ ในฐานะยนตรกรรมซีดานไฟฟ้าระดับพรีเมี่ยมสำหรับผู้บริหาร ที่จะเข้ามาเปิดฉากยุคใหม่ของตลาดในเซกเมนต์นี้ ตอบโจทย์ทั้งในด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความสนุกสนานในการขับขี่ ที่เราหวังว่าทั้ง BMW i5 eDrive40 M Sport และ BMW i5 M60 xDrive จะตอบโจทย์แฟนๆ ชาวไทยที่กำลังมองหารถยนต์ อันครบเครื่อง ในเรื่องของความสงบ นุ่มสบายในยามเดินทาง และความสนุกในการขับขี่ โดยไม่พลาดทุกการเชื่อมต่อกับโลกภายนอก”
“BMW i5 ใหม่ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ ภายใต้พันธกิจของ BMW ในการสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนกว่า ผ่านทั้งการลดมลภาวะขณะขับขี่ และในกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับเจ้าของ BMW ด้วยบริการสุดพิเศษอย่าง Proactive Care ที่เสริมความอุ่นใจ ด้วยระบบการเชื่อมต่อกับยานพาหนะขั้นสูง ที่จะทำให้เราสามารถส่งมอบบริการการให้คำปรึกษาของเราจากทางไกล เพื่อวิเคราะห์ยานยนต์ได้จากระยะไกล หรือโทรหา Call Centreทั นทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด” มร.บารากา กล่าวเสริม
BMW i5 คือ สิ่งที่จะนำพา ยนตรกรรมซีดานหรูระดับตำนานจากตระกูล 5 Series เดินหน้าสู่ยุคแห่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยที่ยังรักษาความลงตัวจากการผสมผสานสมรรถนะสุดสปอร์ต เข้ากับความหรูหราระดับผู้บริหาร ครบครันทุกด้านด้วยเทคโนโลยี BMWeDrive รุ่นที่ 5, นวัตกรรมดิจิทัลมากมาย, พละกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า และความสะดวกสบายที่เหนือกว่า ภายใต้รูปลักษณ์ที่ดูโอ่อ่า และปราดเปรียวบนทุกเส้นทาง
BMW i5 ใหม่ มาพร้อมงานออกแบบส่วนหน้ารถที่เติมความสดใหม่ให้กับกระจังหน้าทรงไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยรูปทรงที่ยื่นออกมาเด่นชัดมากขึ้นจากด้านหน้า ล้อมด้วยกรอบที่กว้างกว่าในรุ่นก่อน และตกแต่งด้วยระบบไฟ BMW Iconic Glow บริเวณกรอบ ประกบด้วยไฟหน้าทั้ง 2 ดวง มากับหลอด LED จัดเรียงเป็นแถบในแนวตั้ง เพื่อทำหน้าที่เป็นทั้งไฟเลี้ยว และไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่ในเวลากลางวัน
ด้านข้างตัวรถ ดูโฉบเฉี่ยว และทรงพลังด้วยแนวเส้นสายที่สูงเด่น เสริมรายละเอียดด้วยลูกเล่นอย่างสเกิร์ตข้างสีดำ รับกับมือจับประตูที่เรียบสนิทไปกับพื้นผิวของประตูรถ และเลข 5 ที่ประดับอยู่บนเสา C พร้อมหลังคากระจกแบบพาโนรามา ขณะที่ท้ายรถก็เตะตาไม่แพ้กัน ด้วยไฟท้ายดีไซน์เรียบหรู
BMW i5 ใหม่ ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับชุดแต่งสไตล์สปอร์ตที่เติมความเข้มในสไตล์ M รอบคัน เช่น สปอยเลอร์หลังดีไซน์ M สีเดียวกับตัวถัง สำหรับ i5 eDrive40 M Sport และสปอยเลอร์สีดำเงาแบบ High-Gloss สำหรับ i5 M60 xDrive
ชุดเบรกคาลิเปอร์ มากับโทนสีน้ำเงินเข้ม Dark Blue Metallic สำหรับรุ่น i5 eDrive40 M Sport และสีแดง Red High-Gloss สำหรับ i5 M60 xDrive และพิเศษขึ้นไปอีก สำหรับ BMW i5M60 xDrive กับชุดแต่งไฟหน้าสีดำ M Lights Shadow Line
ขณะที่ล้ออัลลอยด์มากับ 2 ขนาด และ 2 สไตล์ ได้แก่ ล้ออัลลอยด์ BMW Individual Aerodynamic ขนาด 21 นิ้ว สีดำ Jet Black แบบสลับสี สำหรับรุ่น i5 M60 xDrive และล้ออัลลอยด์ M Aerodynamic ขนาด 20 นิ้ว สีเทาเข้ม Black Grey แบบสลับสี
สมรรถนะตัวท็อป BMW i5 M60 xDrive พร้อมมอบความแรงขีดสุด ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพลังงานไฟฟ้า BMW xDrive Electric ประกอบด้วยชุดมอเตอร์ที่ให้กำลังขับถึง 442 กิโลวัตต์ / 601 แรงม้า และแรงบิด 795 นิวตันเมตร หรือสูงสุดกว่า 820 นิวตันเมตร เมื่อเปิดใช้งานระบบ M Sport Boost หรือ M Launch Control ทำให้ BMW i5 M60 xDrive ทั้งเร็ว และแรงเต็มพิกัดในสไตล์ M ด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 3.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 230 กม./ชม. ด้วยพลังจากชุดแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูงที่ติดตั้งอยู่ใต้ตัวถังรถ ความจุพลังงานสุทธิ 81.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งทำให้ i5 M60 xDrive มีระยะการขับขี่ถึง 455-516 กม. ตามมาตรฐาน WLTP หรือ 466 กม. ตามมาตรฐาน NEDC
ส่วน BMW i5 eDrive40 M Sport ก็แรงไม่น้อย ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ให้พละกำลัง 250 กิโลวัตต์ / 340 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร และสามารถสร้างแรงบิดได้สูงสุดถึง 430 นิวตันเมตร เมื่อเปิดใช้งานระบบ Sport Boost หรือ Launch Control พร้อมแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูง ใช้ชุดเดียวกับ i5 M60 xDrive ทำให้มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 6 วินาที และมีระยะการขับขี่อยู่ที่ 497-582 กม. ตามมาตรฐาน WLTP หรือ 501 กม. ตามมาตรฐาน NEDC
BMW i5 มาพร้อมกับเทคโนโลยีการชาร์จไฟฟ้า ที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพสูงสุด ด้วยหัวชาร์จแบบ Combined Charging Unit (CCU) รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC กำลังไฟ 22 กิโลวัตต์ และการชาร์จแบบไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุดที่ 205 กิโลวัตต์ ซึ่งช่วยให้สามารถชาร์จไฟจาก 10% – 80% ได้ภายในเวลาเพียง 30 นาที
BMW i5 ยังคงรักษาสมดุล ระหว่างความสปอร์ตสุดเร้าใจ และความสะดวกสบายสำหรับทุกการเดินทางไว้ เช่นเดียวกับ 5 Series รุ่นก่อนๆ ด้วยความกว้างของตัวรถที่มากขึ้น การกระจายน้ำหนักหน้า-หลังที่สมบูรณ์แบบในอัตราส่วน 50:50 ภายต้โครงสร้างน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งในทุกส่วน ขณะที่ช่วงล่างของทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับระบบ Adaptive Suspension Professional ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมด้วยระบบปรับองศาล้อหลังขณะเข้าโค้ง (Integral Active Steering)
ความสปอร์ตในสไตล์ M ยังเห็นได้เด่นชัดในห้องโดยสาร ด้วยพวงมาลัยหนังสไตล์ M ตกแต่งด้วย CraftedClarity ที่ทำจากแก้วคริสตัล และเบาะนั่งด้านหน้าแบบ Comfort พร้อมระบบปรับด้วยไฟฟ้า ส่วนระบบไฟส่องสว่างทั้งภายใน และภายนอกห้องโดยสาร, ม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารที่เบาะหลัง และชุดอุปกรณ์ Travel & Comfort ก็ช่วยเสริมความหรูหรา และสะดวกสบายให้ทุกการเดินทาง
ซึ่งห้องโดยสารด้านในของ i5 eDrive40 M Sport จะมาพร้อมกับสี Dark Silver M ประดับด้วยขอบ Aluminium Rhombicle ขณะที่ i5 M60xDrive จะมาพร้อมสี Dark Silver M Accent ที่ผสมผสานเข้ากับวัสดุ Carbon Fibre และขอบสีเงิน High-Gloss Silver นอกจากนี้ ทั้งคนขับ ตลอดจนผู้โดยสารด้านหน้า และผู้โดยสารที่เบาะหลัง ยังจะได้รับความสะดวกสบายอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยระบบการปรับอุณหภูมิ, ความแรงลม และการระบายอากาศแบบแยกโซน รวมไปถึงระบบการตั้งโปรแกรมเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 5 ระดับ, เซ็นเซอร์แสงอาทิตย์ที่ด้านหลัง และระบบกรองฝุ่นละอองระดับนาโนพาร์ทิเคิล (Nano Particulate Filters) ที่ส่งมอบประสบการณ์การใช้งานอันแสนจะง่าย ไปพร้อมๆ กับสภาพอากาศที่บริสุทธิ์ตลอดระยะเวลาการเดินทาง
สำหรับที่นั่งคนขับด้านหน้า ยังคงมุ่งเน้นไปที่ความสบาย และมั่นใจของผู้ขับขี่ ด้วยรหน้าจอโค้ง BMW Curved Display ที่แบ่งออกเป็นจอ Information Display ขนาด 12.3 นิ้ว และจอแสดงระบบควบคุม Control Display ขนาด 14.9 นิ้ว บนระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ QuickSelect ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ผ่านไอคอนที่จัดเรียงมาในรูปแบบแนวตั้งด้านข้างคนขับ ช่วยลดระยะเวลาในการใช้งานเมนูย่อย ก่อนการเปิดใช้ฟีเจอร์นั้นๆ
นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลแบบโค้ง BMW Curved Display ยังทำงานควบคู่ไปกับระบบ BMW iDrive เพื่อส่งมอบการควบคุมที่ง่ายดายผ่านระบบหน้าจอสัมผัส, ปุ่มคำสั่งบนพวงมาลัย และอุปกรณ์ควบคุม BMW iDrive Controller ที่บริเวณกลางคอนโซล
อีกทั้งแพ็คเกจ BMW Live Cockpit Professional ยังมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล BMW Head-Up Display และมุมมองแบบ Augmented View ซึ่งผู้ขับขี่สามารถใช้งานเป็นหน้าจอสำหรับควบคุมการใช้งานด้านต่าง ๆ หรือจะใช้เป็นเป็นหน้าจอเสริมแบบ Instrument Cluster ก็ได้
อีกหนึ่งฟีเจอร์ไฮไลท์ภายในห้องโดยสารก็คือแถบ BMW Interaction Bar ที่ประดับด้วยขอบคริสตัลที่ครอบคลุมทั้งแถบไปจนถึงบานประตู ให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้งานได้ผ่านหน้าจอสัมผัส ทั้งยังส่งมอบบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่สามารถปรับแต่งได้ถึง 6 แบบตามรสนิยมเจ้าของ ได้แก่ Personal, Efficient, Sport และ Sport+, Expressive และ Relax
นอกเหนือไปจากระบบการควบคุมที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นอย่างดี และที่สุดของความสะดวกสบายด้านการใช้งาน BMW i5 ยังมอบประสบการณ์ด้านความบันเทิงที่เหนือชั้นให้แก่ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ด้วยระบบเสียงรอบทิศทางจากแบรนด์ระดับโลก Bowers & Wilkins ซึ่งถือเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกบน 5 Series เพื่อมอบสุนทรียะทางเสียงให้แก่ผู้ใช้จากลำโพงทั้งหมด 17 ตัว มีกำลังขับรวมถึง 655 วัตต์ ตัวปรับรูปแบบเสียง 7 แบนด์ และลำโพง สำหรับมอบเสียงเบสโดยเฉพาะ ที่ติดตั้งไว้ภายใต้ขอบโลหะบริเวณประตูรถ สำหรับ i5 M60 xDrive ขณะที่ i5 eDrive40M Sport จะมากับการส่งมอบความบันเทิงโดยระบบเสียง Hi-Fi จากแบรนด์ Harman Kardon ที่ใช้ลำโพงถึง 12 ตัว และแอมป์ดิจิตอล มีกำลังขับรวม 205 วัตต์ รวมทั้งสามารถปรับแต่งรูปแบบเสียงได้ตามต้องการอีกด้วย
นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5 ฃยังร่วมส่งมอบความสนุกไปอีกขั้นด้วยการให้ผู้ใช้เข้าถึงคอนเทนท์ดิจิตอลได้หลากหลายรูปแบบยิ่งกว่าทุกครั้ง ครอบคลุมทั้งข้อมูลสำคัญ และเนื้อหาด้านความบันเทิง รวมทั้งยังมีการอัพเดตที่รวดเร็วฉับไวยิ่งกว่าเดิม โดยหนึ่งในไฮไลท์สำคัญก็คือแพลตฟอร์ม AirConsole ที่ให้ผู้ขับ และผู้โดยสารสามารถเล่นเกมได้อย่างสนุกสนาน ในขณะที่ยานพาหนะจอดอยู่กับที่เพื่อให้ทุกคนยังสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ด้านความบันเทิงแม้ในขณะที่กำลังจอดชาร์จรถก็ตาม
ในขณะขับขี่บนท้องถนน BMW i5 ใหม่ มาพร้อมกับระบบ Driving Assistant Professional ที่รวมทั้งระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย และการเปลี่ยนเลน (Steering and Lane Change Assist), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go (Active Cruise Control with Stop & Go function) ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 210 กม./ชม. เอาไว้ด้วยกัน
อีกทั้งในระหว่างการจอดรถ ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ Parking Assistant รุ่น Plus จะใช้กล้องควบคู่ไปกับระบบคลื่นอัลตราซาวน์ เพื่อช่วยผู้ขับขี่ในหลายสถานการณ์ผ่านระบบช่วยจอดรถ Parking Assistant, ระบบช่วยถอยรถ Reversing Assistant, ระบบเตือนระยะห่าง Active Park Distance Control, ระบบการช่วยจอดแบบ Lateral Parking Aid และระบบกล้องรอบทิศทาง Surround View โดยผู้ขับขี่สามารถดูสภาพแวดล้อมรอบตัวรถได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยภาพแบบ 3 มิติผ่านแอปพลิเคชั่น My BMW รวมทั้งยังสามารถซื้อฟังก์ชั่น BMW Drive Recorder ที่บันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบความละเอียดสูงจากกล้องรอบทิศทางได้จาก BMW Connected Drive Store
และเพื่อต่อยอดประสบการณ์การขับขี่อันยอดเยี่ยมในรถ BMW ฉะนั้น BMW Group Thailand จึงขอแนะนำบริการล่าสุด Proactive Care ที่นำข้อมูล และนวัตกรรม AI มายกระดับการดูแลลูกค้าไปอีกขั้น โดยระบบจะตรวจสอบ และคาดการณ์ความจำเป็นในการเข้ารับบริการ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ขับขี่ และให้ข้อเสนอแนะก่อนนำรถยนต์เข้ารับบริการ
โดยระบบ Proactive Care จะสังเกตการณ์ข้อมูลของตัวรถในทุกด้าน นับตั้งแต่การวิเคราะห์การทำงานของยางการแจ้งเตือนปัญหาต่างๆ ไปจนถึงรอบการเข้ารับบริการ ระบบจะนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ควบคู่ไปกับข้อมูลที่ผู้ขับขี่กำหนดและแจ้งข้อความแนะนำได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางแอป My BMW ผ่านระบบในตัวรถ ทางอีเมล ผ่านดีลเลอร์ที่กำหนด หรือแม้แต่โทรศัพท์จากบริการ Roadside Assistance อีกทั้งระบบ Proactive Care ยังสามารถให้คำแนะนำในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นการอัพเกรดซอฟต์แวร์ของตัวรถด้วยตนเอง การขอรับบริการขณะเดินทาง หรือแม้แต่การแนะนำศูนย์บริการ
และบริการ Proactive Care พร้อมให้ใช้งานแล้ววันนี้สำหรับรถยนต์ BMW ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 7 (ตั้งแต่เวอร์ชั่น 07/2019) หรือใหม่กว่า โดยลูกค้าที่ใช้บริการจะต้องมีสัญญาใช้งานบริการ BMW ConnectedDrive พร้อมบันทึกข้อมูลรถยนต์ในแอป My BMW หรือหน้าเว็บ My BMW Portal ซึ่งรวมถึง BMW ID และรายละเอียดการติดต่อ และการยินยอมในเรื่องนโยบายความเป็นส่วนตัวและการอนุญาตให้ผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการสามารถติดต่อได้
BMW i5 eDrive40 M Sport ราคาจำหน่าย: 4,999,000 บาท
(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)
BMW i5M60 xDrive ราคาจำหน่าย: 5,599,000บาท
(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)