นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยถึงแนวโน้มและโอกาสในการนำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ายามาฮ่าเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยว่า บริษัทมีแผนชัดเจนและแน่นอน เพื่อแนะนำรถจักรยานยนต์ EV ออกสู่ตลาดประเทศไทย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะมีรายละเอียดมาก ซึ่งนโยบายของบริษัทแม่ จักรยานยนต์ EV ที่จะผลิตและจำหน่ายนั้น จะต้องได้คุณภาพมาตรฐาน ไม่ใช่แค่การนำโครงรถมาใส่แบตเตอรี่เท่านั้น แต่ต้องยกระดับและพัฒนาเทคโนโลยีจากหัวฉีดไปสู่ EV ตอบสนองประสิทธิภาพการขับขี่ได้อย่างปลอดภัย และสามารถเชื่อมต่อระบบต่าง ๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ที่ช้าก็เพราะเทคโนโลยีนั้นเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างรวดเร็ว ที่สำคัญการแข่งขันในตลาดนี้ค่อนข้างสูงด้วย แต่เรามจักรยานยนต์ EV ขายแล้วในยุโรป ส่วนไทยรอผลศึกษาอีกนิด วันนี้มอเตอร์ไซค์ EV ยังไม่ตอบโจทย์ในคนหมู่มาก เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง และรถจักรยานยนต์หัวฉีดยังถือว่ามีความประหยัดและคุ้มค่าสูงสุดในปัจจุบัน”
ส่วนแผนรุกตลาดปี 2567 ยามาฮ่าประเมินว่าจากปัจจัยโดยรวมโดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจโลก ภาวะสงคราม อัตราแลกเปลี่ยน รวมไปถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น รวมไปถึงกฎหมายเช่าซื้อฉบับใหม่ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อภาพรวมของตลาดรถจักรยานยนต์ แม้ว่าจะยังมีปัจจัยบวกเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น การลงทุนใหม่ ๆ จากภาครัฐ การอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ รวมถึงการประเมินว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 35 ล้านคนในปีนี้ จะส่งผลต่อจีดีพีของประเทศให้อยู่ที่ราว ๆ 2.7-3.7%
แต่จากที่ตลาดจักรยานยนต์ในปี 2566 ลดลงราว 9% ทำให้เชื่อว่าปี 2567 น่าจะมียอดขายไม่โตหรือเพียง 1.7 ล้านคัน ส่วนยามาฮ่าตั้งเป้าหมายไว้ค่อนข้างท้าทาย ว่าจะต้องเติบโตขึ้น 4% และมียอดขายไม่น้อยกว่า 280,000 คัน หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาด 16.4% โดยจะเสริมทัพทีมบริหารและเพิ่มความแข็งแกร่งเน็ตเวิร์กอีก 16 ราย เพื่อเติมเต็มช่องว่าง พร้อมเปิดตัวรถรุ่นใหม่อีก 5 รุ่นในปีนี้
ล่าสุดยามาฮ่ายังได้แต่งตั้งคณะผู้บริหารระดับสูง ร่วมวางแผนกลยุทธ์ทางด้านการขายและการตลาด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทยมากขึ้น อาทิ นายภาณุพล กิตติคำรณ เป็น ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า นายอุกฤษณ์ ภาควิวรรธ ได้รับการแต่งตั้งเป็น รองผู้จัดการใหญ่ด้านวางแผนการค้า และการตลาด และ นายกัมพล พรสูงส่ง เป็นรองผู้จัดการใหญ่ด้านขาย บริการ และอะไหล่
ผู้สื่อข่าวรายงานยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ (รย.12) ปี 2566 จากกรมการขนส่งทางบก พบว่าประเทศไทยมีสถิติยอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 1,878,655 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่ทำได้ 1,801,902 คัน แบ่งเป็น 5 แบรนด์ที่มียอดขายสูงสุด ได้แก่ HONDA จำนวน 1,467,151 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 1,379,001 คันตามมาด้วย YAMAHA จำนวน 269,721 คัน เพิ่มขึ้นจากยอด 284,009 คัน, VESPA จำนวน 43,777 คัน ลดลง จากจำนวน 47,827 คัน, GPX จำนวน 33,294 คัน ลดลงจากจำนวน 37,004 คัน
ในจำนวนนี้แบ่งเป็น ยอดจดทะเบียนของรถจักรยานยนต์ประเภทเชื้อเพลิงไฟฟ้า หรืออีวี (EV) มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 21,841 คัน แบ่งเป็น 5 อันดับยี่ห้อที่มียอดจดทะเบียนสูงสุด ได้แก่ DECO จำนวน 8,792 คัน, LION จำนวน 2,454 คัน, AJ จำนวน 2,394 คัน, HAONAIQI จำนวน 2,394 คัน, H SEM จำนวน 1,708 คัน และอื่น ๆ จำนวน 1,671 คัน