เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เผยภาพ Bentley Batur เจ้าของขุมพลัง W12 รุ่นสุดท้าย ระหว่างการทดสอบก่อนส่งมอบ

เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เผยภาพ Bentley Batur Convertible โดย Bentley Mulliner อัครยนตรกรรมรุ่นพิเศษแบบเปิดประทุน กับขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น W12 ในระหว่างทำการทดสอบขั้นตอนสุดท้าย ซึ่ง Bentley Mulliner ถือเป็นแผนกออกแบบพิเศษของเบนท์ลีย์มอเตอร์ส และเป็นผู้ผลิตตัวถังรถยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดของโลก สำหรับ Bentley Batur เป็นอัครยนตรกรรมรุ่นออกแบบพิเศษรุ่นที่ 3 ที่ผลิตขึ้นเพียง 16 คันเท่านั้น โดยผลิตขึ้นหลังจากความสำเร็จของรุ่น Bacalar แบบเปิดประทุน และ Batur แบบคูเป้ และเป็นแกรนด์ทัวเรอร์แบบเปิดประทุนที่ใช้เครื่องยนต์รุ่น W12 อดีตขุมพลังในตำนานที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ของเบนท์ลีย์

เมื่อต้นปี 2567 เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ได้ประกาศยุติการผลิตเครื่องยนต์รุ่น W12 อย่างเป็นทางการ โดยเครื่องยนต์ตัวสุดท้ายได้ออกจากสายการผลิตเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สำหรับลูกค้า16 รายของ Batur Convertible จะได้สัมผัสสมรรถนะอันเหนือชั้นของเครื่องยนต์ W12 รุ่นสุดท้ายที่มาพร้อมกับพละกำลังกว่า 750 แรงม้า และถือเป็นเครื่องยนต์รุ่นที่มีกำลังแรงที่สุดเท่าที่เคยมีการพัฒนามา

กระบวนการทดสอบ ครอบคลุมถึงการทดสอบด้านความทนทานของทั้งเครื่องยนต์ และตัวรถทั้งหมด การทดสอบด้านสิ่งแวดล้อม และการจำลองแสงแดด การทดสอบด้านความเสถียรในขณะใช้ความเร็วสูง, การทดสอบด้านอากาศพลศาสตร์เสียง และการสั่นสะเทือน และความสามารถด้านไดนามิก การทดสอบมากกว่า 120 รายการ ครอบคลุมทุกอย่าง ตั้งแต่คุณภาพของพื้นผิวที่เคลือบของปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ “Organ Stop” ที่ผลิตจากทองคำ ไปจนถึงฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ของเครื่องยนต์รุ่น W12 ใหม่ ซึ่งในรุ่น Batur Convertible Car Zero และ Batur Convertible Engineering Car มีการกำหนดตารางการทดสอบรถยนต์เป็นเวลากว่า 58 สัปดาห์

การทดสอบเสมือนจริงเริ่มต้นด้วยการวิ่งด้วยระยะทางกว่า 3,000 กิโลเมตรใน 5 ประเทศทั่วทวีปยุโรป เพื่อจำลองสภาพแวดล้อมจริง โดยมีเส้นทางออกจากประเทศเยอรมนี ผ่านประเทศอิตาลี, ประเทศฝรั่งเศส และประเทศสเปน ข้ามภูเขาทางหลวง และเมืองต่างๆ โดยในระหว่างการทดสอบจะหยุดพักสั้นๆ ในช่วงบ่ายที่ประเทศโมนาโก เพื่อถ่ายภาพก่อนจะเดินทางต่อไปยังอีเดียดาในประเทศสเปน เพื่อเริ่มต้นการทดสอบโดยใช้ความเร็วสูงในสนามทดสอบส่วนตัว

Batur Convertibles จะเริ่มการทดสอบด้านความทนทานเป็นเวลากว่า 7 สัปดาห์ในส่วนของการทดสอบการควบคุม, การทดสอบบนสภาพถนนที่หลากหลาย, การทดสอบด้วยความเร็วสูง และการทดสอบบนสภาพพื้นถนนที่เป็นอุปสรรค ซึ่งในระหว่างการทดสอบจะมีการเก็บข้อมูล และข้อเสนอแนะเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางเทคนิค

แกรนด์ทัวเรอร์ เครื่องยนต์ W12 รุ่นสุดท้าย

Batur Convertible ได้รับการพัฒนาจาก DNA การออกแบบอันล้ำสมัยของอัครยนตรกรรมแบบคูเป้ ที่จะเป็นแนวทางในการต่อยอดด้านออกแบบอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ในอนาคต

Batur Convertible รังสรรค์ขึ้น โดย Bentley Mulliner ด้วยแรงบันดาลใจจากการออกแบบ Bacalar แบบเปิดประทุน และ Batur แบบคูเป้ สำหรับ Batur Convertible by Mulliner ยังคงสานมาตรฐานการรังสรรค์อัครยนตรกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างแท้จริงเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย

ขุมพลังของรุ่น Batur Convertible ใช้เครื่องยนต์ W12 เทอร์โบคู่ขนาด 6.0 ลิตร อันทรงสมรรถนะที่มีพละกำลังสูงสุด 750 แรงม้า ซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนความสำเร็จของเบนท์ลีย์ ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมาโ ดย Batur Convertible จะเป็นอัครยนตรกรรมรุ่นสุดท้ายที่ใช้ระบบส่งกำลังระดับไอคอนนิกรุ่นนี้

ในด้านการออกแบบ ตัวรถมีรูปลักษณ์ที่สวยงามทันสมัย เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับรถยนต์รุ่นหลังคาแบบฮาร์ดท็อป การผสมผสานระหว่างวัสดุฉนวนระบบปิดหลังคาที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้สามารถเปิด และปิดหลังคาผ้าใบได้ภายในเวลาเพียง 19 วินาที ในขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 50 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง เพื่อเปลี่ยนจากอัครยนตรกรรมแบบคูเป้สู่แกรนด์ทัวเรอร์แบบเปิดประทุนเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส

ทีมออกแบบของ Mulliner ได้ร่วมกันรังสรรค์ Batur Convertible ทุกคันร่วมกับลูกค้าโดยทำงานร่วมกันผ่าน Mulliner Visualiser ที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษที่จะช่วยให้สามารถปรับแต่งสี และพื้นผิวของส่วนต่างๆ บนตัวรถได้ ซึ่งมาพร้อมกับตัวอย่างวัสดุที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่จะช่วยเพิ่มมิติให้กับกระบวนการผลลัพธ์ที่ได้ คือ การออกแบบเฉพาะตัวที่มีส่วนร่วมโดยลูกค้าอย่างแท้จริง

Batur Convertible Car Zero

Batur Convertible ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยจินตนาการอันไม่มีที่สิ้นสุด ลูกค้าแต่ละรายสามารถระบุสี และการตกแต่งของทุกพื้นผิวทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสารของรถได้อย่างอิสระ

ตัวรถยนต์ทดสอบที่ได้รับการพัฒนาทางวิศวกรรมอย่าง Batur Convertible Car Zero ได้รับการรังสรรค์ขึ้นด้วยความใส่ในรายละเอียด เช่นเดียวกับรถยนต์ของลูกค้า โดยเฉดสีภายนอกเป็นเฉดสีสั่งทำพิเศษกับเฉดสีส้ม Vermillion Gloss over Vermillion Satin Duo Tone ที่ให้สีสันแบบร่วมสมัย และสดใสทั่วทั้งพื้นผิวตัวถังได้รับการตกแต่งด้วยสปลิตเตอร์ด้านหน้า, สเกิร์ตข้าง และดิฟฟิวเซอร์ด้านหลัง ที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ความมัน-เงาสูง

ด้านหน้าของตัวรถมีกระจังหน้าที่ออกแบบขึ้นอย่างโดดเด่นด้วยเฉดสี Gloss Dark Titanium เสริมด้วยแถบลายเชฟรอนตัดกันเป็นลาย ไล่ระดับแนวนอนในเฉดสีดำ Beluga ตรงกลาง และไล่สีอ่อนลงไปจนถึงด้านข้างที่สดใสด้วยเฉดสีส้ม Vermillion Gloss ส่วนเส้นสายแบบ “endless bonnet” ตกแต่งด้วยเฉดสี Gloss Dark Titanium เช่นเดียวกับล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้ว ที่ซี่ล้อรังสรรค์ขึ้นแบบ Gloss-Satin Black Titanium พร้อมแถบตกแต่งด้วยเฉดสีส้ม Vermillion Gloss

รถยนต์ทดสอบคันที่สอง “Engineering Car” มีคุณสมบัติที่แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงด้วยเฉดสีภายนอก เฉดสีดำอมเขียว Midnight Emerald พร้อมด้วยชุดแต่งคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีความมัน-เงาสูง, ฝากระโปรงหน้าเฉดสี Satin Dark Titanium ขัดเงา และแถบกันชนล่าง ตัวล้ออัลลอยด์รังสรรค์ขึ้นแบบ Tri-tone โดยมีตัวถังเฉดสี Satin Dark Titanium ตกแต่งด้วยเฉดสีเทา Porpoise แบบเงา และลายเส้นเฉดสีส้ม Mandarin แบบเงา พร้อมด้วยการผสมผสานของเฉดสี Satin Dark Titanium และ Mandarin เข้าด้วยกันอย่างลงตัวกับเฉดสีดำ Beluga แบบเงา ที่ไล่เฉดสีสามสีบนกระจังหน้า

สำหรับห้องโดยสารถูกรังสรรค์ขึ้นให้คล้ายกับภายนอกด้วยหนังเฉดสีเขียว Cumbrian Green และ เฉดสีเทา Porpoises ตกแต่งด้วยตะเข็บ และขอบเฉดสีส้ม Mandarin เสริมด้วย Organ Stops ไททาเนียมแบบขึ้นรูป และช่องระบายอากาศ พร้อมด้วยวีเนียร์ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยการไล่เฉดสีที่สวยงามจากเฉดสีดำ Beluga แบบเงาเป็นแบบคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีความมัน-เงาสูง และกลับมาเป็นเฉดสีดำ Beluga แบบเงาอีกครั้ง พร้อมด้วยการแกะสลักด้วยเลเซอร์ของลวดลายเส้นเสียงของเครื่องยนต์รุ่น W12

ผู้สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account : @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V