ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนในเยอรมนีร่วงลง 37% ในเดือนกรกฎาคม 2024 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นการลดลงมากที่สุด นับตั้งแต่รัฐบาลเยอรมันได้ตัดเงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์และซัพพลายเออร์กังวลเกี่ยวกับการลงทุนมหาศาลด้านการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
ตามข้อมูลจากหน่วยงานการขนส่งทางรถยนต์ของรัฐบาลกลางเยอรมนี เดือนกรกฎาคมนี้มีการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลใหม่ทั้งหมด 238,263 คัน (-2.1%) ตัวเลขนี้รวมถึงรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน 83,405 คัน (+0.1%) รถยนต์ HEV/PHEV 79,870 คัน (+18.4%) รถยนต์ดีเซล 43,107 คัน (+1.4%) รถยนต์ที่ใช้ LPG 1,078 คัน (+8.8%) และรถยนต์ที่ใช้ CNG เพียง 3 คัน (-98.6%)
โดยที่น่าสนใจคือ รถ EV 30,762 คัน รับเป็นตัวเลขที่ลดลงมากถึง 36.8% ข้อมูลนี้ถือเป็นข่าวร้ายสำหรับผู้ที่หวังว่าการฟื้นตัวของรถ EV จะเกิดขึ้น หลังจากไตรมาสแรกของปีรถ EV ทำยอดขายได้น้อยลง โดยยอดขายรถไฟฟ้าใตไตรมาสแรกของปี 2024 ในเยอรมนีลดลง 16.4 เปอร์เซ็นต์
นอกเหนือจากการขาดเงินอุดหนุนที่ทำให้รถ EV มีราคาแพงขึ้น นักวิเคราะห์ยังตำหนิการขาดไม่มีรถ EV ราคาประหยัดในตลาด แน่นอนว่าการชะลอตัวของ EV ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องเปลี่ยนแผนใหม่ และชะลอกาหยุดผลิตรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน ส่งผลให้ยากต่อการปฏิบัติตามกฎระเบียบการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดของสหภาพยุโรป
Patrick Hummel นักวิเคราะห์จาก UBS คาดว่ารายได้ของ VW อาจลดลง 2,000 ล้านยูโร ในปี 2025 อันเป็นผลจากความต้องการ EV ที่ลดลง ผู้ผลิตรถยนต์รายนี้เพิ่งประกาศเลื่อนกำหนดการผลิตแบตเตอรี่ และกำลังลดการผลิตในโรงงาน EV
นอกจากเยอรมนี ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปแล้ว ประเทศอื่น ๆ ก็มีความต้องการรถไฟฟ้าลดลงเช่นกัน สวีเดน ซึ่งถือเป็นผู้นำในตลาดรถไฟฟ้าในยุโรป ยังมียอดขายรถ EV ลดลงมากถึง 15 เปอร์เซ็นต์ และในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก็มียอดขายรถไฟฟ้าลดลง 19%
ที่มา carscoops