เชื่อว่าในยุคนี้ค่ายรถหลายค่ายกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ที่มาพร้อมพลังงานสะอาด แต่ดูเหมือนจะไม่ง่ายนักเพราะมีรายงานว่าค่าย Ford ที่กำลังลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในรถไฟฟ้า แน่นอนว่าในช่วงแรกของการลงทุนมันยังไม่สามารถสร้างกำไรได้แน่
และมีข้อมูลรายงานการเงินของค่าย Ford ในไตรมาสที่ 2 เผยว่าแผนกรถยนต์ไฟฟ้า Ford Model e ขาดทุน 1,100 ล้านดอลลาร์ และมีข้อมูลว่า Ford ได้ขายรถยนต์ไฟฟ้าได้ 23,957 คันในสหรัฐอเมริกา และมีการระบุว่า Ford ได้เสียเงินประมาณ 47,600 เหรียญ ต่อยอดขาย EV 1 คัน และคาดว่ายอดรวม Ford จะสูญเสียเงิน 5 พันล้านดอลลาร์ ไปจนถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้
ในช่วงไตรมาสที่ 2 Ford ขายรถยนต์ได้ 536,050 คันในตลาดบ้านเกิด อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาเพียวกัน ยอดขายรถรถไฟฟ้าในไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้น 61% เป็น 23,957 คัน ถือว่าสูงแต่ยังน้อยเพราะมันคิดเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยของยอดขายรวมของ Ford หรือเท่ากับประมาณ 4% เท่านั้น
แต่ยอดขายของรถไฮบริดของ Ford โดยทำสถิติยอดขายได้ 53,822 คัน หรือเพิ่มขึ้น 56% สาเหตุหลักมาจากความสนใจที่เพิ่มขึ้นของ Ford Maverick ในขณะที่ Mustang Mach-E ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของ Ford
โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่าเมื่อเดือนพฤษภาคม ทาง Ford ได้ประกาศว่าจะลดการผลิตแบตที่ใช้ในรถไฟฟ้า จากบริษัท 3 แห่งได้แก่ CATL, LG และ SK On Co. อย่างไรก็ตามแม้จะมีการลดการผลิตแบตลงแต่มีการคาดการณ์ว่ารถ EV ของ Ford น่าจะทำกำไรได้ในอนาคต เพราะการที่ขาดทุนในช่วงแรกเป็นเรื่องปรกติของการเปลี่ยนเทคโนโลยีเท่านั้น
ที่มา carscoops