โรงงาน ออโต้อัลลายแอนซ์ ผู้ผลิตรถยนต์มาสด้า และรถปิกอัพฟอร์ด ร่วมฉลองการผลิตครบ 4 ล้านคัน หลังจากที่ลงทุนอย่างต่อเนื่องมาตลอด 29 ปี ปัจจุบัน รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 80,000 ล้านบาท มีกำลังการผลิตสูงถึง 270,000 คันต่อปี โดยเฉพาะการผลิตรถปิกอัพขนาด 1 ตัน ซึ่งเป็นโปรดักส์แชมเปี้ยน ส่งผลทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ และส่งออกแหล่งสำคัญของโลก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย ขณะเดียวกันก็สร้างรายได้ และเงินลงทุนมหาศาลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ
มร. เคนอิจิโร ซารุวาตาริ ประธานบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โรงงานเอเอที เป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่ครบวงจร และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2538 จากการร่วมทุนระหว่าง มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นศูนย์กลางการผลิตรถปิกอัพขนาด 1 ตัน สำหรับจำหน่ายภายในประเทศไทย และส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก และในปี พ.ศ. 2550 เริ่มมีการผลิตรถยนต์นั่งสำหรับมาสด้า ทั้งนี้ มาสด้า และฟอร์ด ได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทำให้ปัจจุบันมีมูลค่าการลงทุนร่วมกันของทั้ง 2 บริษัทฯ มูลค่าสูงถึง 2,162 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 79,000 ล้านบาท”
ปัจจุบัน โรงงานเอเอที มีกำลังการผลิตรถเพื่อการพาณิชย์ และรถยนต์นั่งรวมกันทั้งสิ้น 270,000 คันต่อปี โดยผลิตเพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศ และส่งออกไปทั่วโลกกว่า 171 ประเทศ โดยมีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ประมาณ 65% ส่วนรถที่ผลิตในปัจจุบัน ได้แก่ Mazda 2, Mazda 3, Mazda CX-3, Mazda CX-30, Ford Ranger และ Ford Everest โดยตลาดหลักที่มียอดส่งออกมากที่สุดคือประเทศออสเตรเลีย
มร. ฮิโรโนริ ทานากะ กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “มาสด้า ขอใช้โอกาสในการร่วมเฉลิมฉลองกับความสำเร็จของ เอเอที ครั้งนี้ ให้มั่นใจว่าเราจะเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ร่วมกันต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้กระบวนการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยครบวงจรมากที่สุด รวมถึงการส่งเสริมให้ธุรกิจของ มาสด้า เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งภายในประเทศ และการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก
มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ยังได้ก่อตั้ง บริษัท มาสด้า พาวเวอร์เทรน เมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MPMT เพื่อทำการผลิตชุดเกียร์อัตโนมัติแห่งแรกขึ้นในประเทศไทย และเป็นครั้งแรกที่สร้างโรงงานผลิตเกียร์อัตโนมัตินอกประเทศญี่ปุ่น โดยมีกำลังการผลิต 400,000 ยูนิตต่อปี และผลิตเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ จำนวน 100,000 เครื่องต่อปี เพื่อส่งออกไปทั่วโลก และป้อนให้กับโรงงาน เอเอที ด้วยศักยภาพ และความพร้อมของ เอเอที และ เอ็มพีเอ็มที ในการควบคุมคุณภาพของการผลิต รวมถึงความพร้อมของผู้ผลิตชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งระบบ
ทั้งนี้ มาสด้า ยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย โดย มาสด้า วางแผนเพิ่มเงินลงทุนในโรงงานทั้ง 2 แห่งเพิ่มเติมในอนาคต เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็นฐานการผลิต และส่งออกที่สำคัญในภูมิภาคนี้ รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่และเทคโนโลยีแห่งอนาคต