เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เชิญชวนลูกค้าชาวไทยสัมผัสมิติใหม่ของการออกแบบบูธจัดแสดงรถยนต์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Future For All” ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 (Motor Expo 2023) สะท้อนถึงความเท่าเทียมของลูกค้าที่มีความหลากหลาย ด้วยการออกแบบบูธที่ไร้ทางต่างระดับแบบ Universal Design เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงบูธได้อย่างไร้รอยต่อ พร้อมรับประสบการณ์ที่เหนือระดับผ่านทัพยนตรกรรมหลากหลายรุ่น
นำโดย 4 รุ่นล่าสุดอย่าง GLC 220 d 4MATIC Avantgarde, EQE 350 4MATIC SUV Electric Art, GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic และ C 220 d AMG Line พร้อมยนตรกรรมอีกกว่า 15 รุ่น ที่มาพร้อมข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าคนพิเศษ
มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ที่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เราให้ความสำคัญกับลูกค้าทุกคนเป็นอันดับแรกเสมอ นอกจากการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า สิ่งหนึ่งที่เรามองเห็นคือการเข้าใจ และยอมรับในความแตกต่างของทุกคน ในงาน Motor Expo ปีนี้
เราจึงมาพร้อมคอนเซ็ปต์ “Future For All” เน้นย้ำจุดยืนในเรื่องความหลากหลาย (Diversity), ความเท่าเทียม (Equity) และการเคารพถึงความแตกต่าง (Inclusion) ซึ่งเป็นที่มาของการปรับเปลี่ยนดีไซน์บูธให้ดีกว่าเดิม โดยเราตัดสินใจนำทางต่างระดับของบูธออกไป และทำให้ดีไซน์ของบูธตรงตามหลักการออกแบบอย่างเท่าเทียม หรือ Universal Design ซึ่งจะรองรับการเข้าถึงของผู้ที่ใช้วีลแชร์ ทั้งกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็ก และใช้รถเข็นเด็ก ทำให้ทุกคนเข้ามาที่บูธได้อย่างสะดวกสบาย และรับประสบการณ์แบบเดียวกันโดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ”
อีกหนึ่งความโดดเด่นภายในบูธของเมอร์เซเดส-เบนซ์ คือการนำเสนอโมเดลรถรุ่นใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการที่หลากหลายและมีไลฟ์สไตล์การใช้งานที่แตกต่างกัน โดยมีทั้งรถเอสยูวีรุ่นขายดีตลอดกาลของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่าง The new GLC ที่เสริมไลน์อัพด้วยเครื่องยนต์ดีเซลพร้อมขุมพลังแบบ Mild Hybrid ในรุ่น “GLC 220 d 4MATIC Avantgarde” ยนตรกรรมที่พร้อมก้าวสู่โลกแห่งอนาคตอย่างเต็มรูปแบบด้วยเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM654M แบบ 4 สูบ แถวเรียง ขนาด 1,993 ซีซี พร้อมระบบอัดอากาศ Turbochargers ที่ระบายความร้อนด้วยระบบ Water-Cooled Turbocharger ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ ISG (Integrated Starter Generator) พร้อมแบตเตอรี่แบบ 48V On-Board Electrical System
ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้านี้จะสามารถชาร์จแบตเตอรี่ในขณะเบรก และสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์แบบเงียบ เพื่อช่วยเพิ่มความนุ่มนวล และลดการสั่นในการสตาร์ทเครื่องยนต์ขณะใช้งานระบบ Eco Start/Stop ทั้งยังช่วยเพิ่มแรงบิด และรอบเครื่องยนต์ ขณะที่เครื่องยนต์มีอุณหภูมิต่ำ โดยมอบพละกำลังได้สูงถึง 17 กิโลวัตต์ ทำให้รถยนต์คันนี้มีกำลังแรงม้ารวมสูงสุด 197 แรงม้า ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 8 วินาที จับคู่กับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลแต่ยังทรงพลัง และสามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 6.5% ส่วนราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 3,720,000 บาท
EQE 350 4MATIC SUV Electric Art ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 4,850,000 บาท มากับความเป็น รถ SUV พลังงานไฟฟ้า 100% และเปิดตัวในประเทศไทยทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นเริ่มต้น “EQE 350 4MATIC SUVElectric Art”, รุ่นกลาง“EQE 350 4MATIC SUV AMG Line” และรุ่นท็อป “EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic” มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่แบบ PSM (Permanently Excited Synchronous Motors) ติดตั้งบริเวณเพลาขับหน้า และหลัง มอบกำลังแรงม้ารวมสูงสุด 292 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 765 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 6.6 วินาที
ติดตั้งแบตเตอรี่แรงดันสูง 396V แบบ Lithium-ion ที่มีความจุมากถึง 89 kWh ช่วยให้สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลกว่า 558 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) สูงสุด 170 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 10 – 80% เพียง 32 นาที ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา 9 ชั่วโมง 30 นาที
GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic ตัวแทนด้านขุมพลังแห่งสมรรถนะ และความสะดวกสบาย สะท้อนตัวตนความเป็นรถยนต์สไตล์ออฟโรด ดีไซน์เฉียบคมได้อย่างลงตัว ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล OM654M แบบ 4 สูบเรียงขนาด 1,993 ซีซี พร้อมระบบอัดอากาศแบบ Turbochargers ที่ระบายความร้อนด้วยระบบ Water-Cooled Turbocharger ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ ISG (Integrated Starter Generator) พร้อมแบตเตอรี่แบบ 48V On-Board Electrical System ให้พละกำลังสูงถึง 15 กิโลวัตต์
ทำให้ The new GLE มีกำลังแรงม้ารวมสูงสุดถึง 269 แรงม้าที่ 4,200 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,200 รอบต่อนาที สามารถสร้างอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.9 วินาที ผสานการทำงานกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลแต่ยังทรงพลังในทุกโมเมนต์ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 5,590,000 บาท
ท้ายสุด C 220 d AMG Line ราคาจำหน่าย 2,880,000 บาท รถยนต์ซีดานดีไซน์โฉบเฉี่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาล โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี และระบบความปลอดภัยขั้นสูงสุด มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM654M แบบ 4 สูบเรียง ขนาด 1,993 ซีซี พร้อมระบบอัดอากาศแบบ Turbochargers ที่ระบายความร้อนด้วยระบบ Water-Cooled Turbocharger ผสานการทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ ISG (Integrated Starter Generator) พร้อมแบตเตอรี่แบบ 48V On-Board Electrical System ให้พละกำลังสูงถึง 17 กิโลวัตต์
ทำให้รถยนต์คันนี้มีกำลังแรงม้ารวมสูงสุด 197 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 2,800 รอบต่อนาที สามารถสร้างอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม ในเวลาเพียง 7.3 วินาที พร้อมจับคู่กับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ที่ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลอย่างเหนือระดับ และสามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 6.5% พร้อมนำเสนออีกขั้นของเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรมที่ล้ำสมัยเข้ากับยุคแห่งดิจิตอลอย่างแท้จริง
นอกเหนือจากการนำเสนอยนตรกรรม 4 รุ่นล่าสุดแล้ว ภายในบูธยังมีการจัดแสดงกล้อง Mercedes-Benz Drive Recorder 360 องศา อุปกรณ์ตกแต่งใหม่ล่าสุด (MB Accessories) ที่มีดีไซน์ผสมผสานเป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์ มาให้ทุกคนได้สัมผัสเป็นครั้งแรก โดยกล้องตัวนี้สามารถบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ รอบตัวรถในระหว่างการเดินทาง และขณะจอด
ประกอบไปด้วยกล้อง 3 ตัว ได้แก่ กล้องด้านหน้า QHD, Surround sQHD และกล้องด้านหลัง FHD ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ สามารถจับภาพวิดีโอได้รอบทิศทาง ทั้งภายนอก และภายในรถยนต์ มาพร้อมการรับประกันความคุ้มครอง 2 ปี ให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารเดินทางได้อย่างปลอดภัยเหนือระดับอีกด้วย