เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เตรียมเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่เพื่อลูกค้าชาวไทย ด้วยการมาของหนึ่งในยนตรกรรมระดับไอคอนของแบรนด์ กับ The new E-Class เจนเนอเรชั่นที่ 10 ซึ่งมากับฐานะของรุ่นพิเศษ Launch Edition ประเดิมการเปิดตัวในไทย จัดแสดงเป็นครั้งแรกในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 พร้อมจำหน่ายในจำนวนจำกัด
The new E-Class Launch Edition ยนตรกรรมระดับไอคอนของแบรนด์ มากับการผสมผสานความเป็นเลิศในทุกด้าน ทั้งการออกแบบ เทคนิคที่ล้ำสมัย และความสะดวกสบายชั้นเยี่ยม ในรหัสตัวถัง W214 ชูความเป็นเลิศของ Business Saloon สุดหรู ภายใต้รูปลักษณ์ที่แตกต่างจากเดิมในทุกองศา และขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้นในทุกมิติ เพื่อตอบโจทย์ทุกความทันสมัย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Evolves with You” พร้อมเปิดตัวในประเทศไทย 2 รุ่น โดยมีให้เลือกทั้ง เครื่องยนต์ดีเซล “E 220 d AMG Line” และ “E 350 e AMG Dynamic” ขุมพลัง Plug-in Hybrid
โดยในด้านสมรรถนะ E 220 d AMG Line ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร ขนาด 1,993 ซีซี ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 197 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 2,800 รอบต่อนาที สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 7.6 วินาที ทำงานร่วมกับ 48V Electrical System (ISG2) 23 แรงม้า พร้อมแรงบิด 205 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-Tronic)
ส่วน E 350 e AMG Dynamic ผสานขุมพลังการขับเคลื่อนในรูปแบบรถปลั๊กอินไฮบริด ผ่านเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ แบบ 4 สูบแถวเรียง ซึ่งเมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งระบบ จะมอบกำลังแรงม้ารวมสูงสุด 313 แรงม้า พร้อมแรงบิดรวมสูงสุด 550 นิวตันเมตร มาพร้อมระบบส่งกำลังแบบ 9G-Tronic สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 6.5 วินาที
อีกทั้งยังมีการติดตั้งแบตเตอรี่แรงดันสูงที่มีความจุ 25.4 kWh ช่วยให้สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลมากกว่า 100 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP ตลอดจนรองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) สูงสุด 55 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% เพียง 30 นาที ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge)รองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที
The new E-Class Launch Edition ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมดีไซน์การออกแบบรอบคันด้วย AMG Body Styling ที่มอบความดุดันตามแบบฉบับของ AMG พร้อมระบบปิดประตูแบบ Soft Close โดยทางรุ่น E 220 d AMG Line มาพร้อมไฟหน้า LED High-Performance ทำงานร่วมกับระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist มอบความสะดวกสบายด้วย Keyless – Go Comfort Package ที่สามารถควบคุม ได้จากระบบดิจิทัลผ่านสมาร์ทโฟน ด้านช่วงล่างมากับระบบกันสะเทือนแบบ Agility Control ช่วยซับแรงกระแทก เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวล จับคู่กับล้ออัลลอยด์ดีไซน์สปอร์ตขนาด 19 นิ้ว
รุ่น E 350 e AMG Dynamic โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบเรืองแสง ติดตั้งไฟหน้า Digital Light และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist Plus ช่วยเสริมความปลอดภัยในการขับขี่ และการโดยสารในทุกเส้นทาง ส่วนด้านบนมีการติดตั้งหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมกับยกระดับเทคโนโลยีด้วย Heat and Noise-Insulting Acoustic Glass ช่วยสะท้อนความร้อน ป้องกันรังสีอินฟาเรด และเสียงสะท้อนจากภายนอก ก่อนปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยด์ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 20 นิ้ว ที่ออกแบบให้มีการลดอากาศหมุนวนบริเวณด้านข้างล้อ เพื่อทุกการขับขี่ที่เต็มไปด้วยสุนทรียภาพ และความปลอดภัยขั้นสูง
ภายในห้องโดยสารของทั้ง 2 รุ่น มีการตกแต่งแบบ AMG Interior Package ที่เน้นความสปอร์ต แต่ยังคงความหรูหราตามแบบฉบับของเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมออพชั่นที่ครบครัน เช่น พวงมาลัย Multifunction Sports Steering รับกับเบาะหนังสีดำ และระบบปฏิบัติการ MBUX เจนเนอเรชั่นที่ 3 พร้อมกล้อง Selfie สำหรับการประชุมงาน หรือเพิ่มความบันเทิง ตลอดจนติดตั้งจอ MBUX Superscreen ขนาดใหญ่พิเศษ 14.4 นิ้ว บริเวณแผงคอนโซลกลาง และจอขนาด 12.3 นิ้ว บริเวณผู้โดยสารตอนหน้า ซึ่งมีการปรับปรุงให้สามารถรับ-ส่งข้อมูลออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยระบบ AI ที่จะเรียนรู้ และปรับฟังก์ชั่นต่างๆ ของรถยนต์ให้เข้ากับพฤติกรรม และรสนิยมของผู้ขับขี่ ทั้งยังติดตั้งระบบปรับอากาศ Energizing Air Control ที่สามารถปรับทิศทางลมได้อย่างอิสระ และฟังก์ชั่นอื่นๆ ที่พร้อมจะมอบความสะดวกสบายอันเหนือระดับอย่างเต็มพิกัด
ด้านเทคโนโลยี และความบันเทิง E 220 d AMG Line โดดเด่นด้วยไฟเรืองแสง Ambient Lightning Plus กว่า 64 เฉดสี ทั้งยังมีการติดตั้งระบบ MBUX Augmented Reality สําหรับแผนที่นําทาง ด้าน E 350 e AMG Dynamic มาพร้อม Digital Vent Control ช่องแอร์ที่ปรับการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อให้มีการหมุนเวียนอากาศราวกับมีลมธรรมชาติ ตลอดจนมาพร้อมเทคโนโลยี Head-up Display ให้ผู้ขับขี่สามารถเห็นข้อมูลการขับขี่โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนน
ทั้งยังมอบความพิเศษด้วยระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® 4D Surround Sound System พร้อมลำโพง 21 ตัว ผสานการทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Dolby Atmos ให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารได้ฟังเสียงอย่างคมชัดสมจริงราวกับนั่งอยู่ในโรงภาพยนตร์ และไฟรอบห้องโดยสารแบบ Active Ambient Lightingที่สามารถปรับแสงสีในห้องโดยสารให้เป็นไปตามจังหวะเพลง ให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความเพลิดเพลินในทุกอารมณ์
นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งระบบความปลอดภัย Driving Assistance Package Plus ในรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นอย่างครบครันตามมาตรฐาน เช่น ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้า และควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist Distronic), ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (Active Brake Assist), ระบบพวงมาลัยช่วยผ่อนแรง หักหลบสิ่งกีดขวางระยะกระชั้นชิด (Evasive Steering Assist), ระบบรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist) และระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Active Blind Spot Assist) เป็นต้น
Mercedes-Benz E 220 d AMG Line เปิดราคาจำหน่าย 3,990,000 บาท มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White), สีดำ (Obsidian Black), สีเงิน (High-tech silver) และสีเทา (Manufaktur Alpine Grey Solid)
Mercedes-Benz E 350 e AMG Dynamic เปิดราคาจำหน่าย 4,250,000 บาท มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว(Polar White), สีดำ (Obsidian Black), สีเงิน (High-Tech Silver) และสีเทา (Graphite Grey)