เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ประเดิมจัด Global Media Drive พลังงานสะอาด เปิดประสบการณ์ New Continental GT ด้วยเชื้อเพลิง eFuels ครั้งแรกของโลก

เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดประสบการณ์การขับขี่ New Continental GT Speed ด้วยการใช้เชื้อเพลิง eFuels เป็นครั้งแรกของโลก ให้แก่สื่อมวลชนกว่า 157 รายในกิจกรรม Global Media Drive ที่เป็นการเปิดตัว New Continental GT Speed Coupe และ Convertible เจเนอเรชันที่ 4 ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งกิจกรรมทดลองขับในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการใช้ eFuels เป็นเชื้อเพลิงในการสาธิตการทดลองขับ เพื่อให้เห็นถึงการใช้งานร่วมกับเครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีอยู่ในปัจจุบัน และตอกย้ำพันธกิจของแบรนด์ ในการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มีมาอย่างต่อเนื่อง

eFuel คือ เชื้อเพลิงสังเคราะห์ 100% ที่พัฒนาโดยกลุ่มพันธมิตร ระหว่างประเทศที่นำโดย Highly Innovative Fuels (HIF) Global ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Porsche และได้รับการผลิตขึ้นโดยโรงงาน Haru Oni ​​ในภูมิภาค Magallanes ของประเทศชิลี ในส่วนของกระบวนการผลิต เชื้อเพลิงจะผ่านกระบวนการกลั่น และผสมกับไฮโดรเจนที่มาจากการทำให้น้ำเป็นอิเล็กโทรไลต์ เพื่อสร้างเมทานอลที่สามารถกลั่นเป็นน้ำมันเบนซินได้ สำหรับเชื้อเพลิงที่เบนท์ลีย์ใช้ในงาน Global Media Drive คือ R75 หรือ eFuel 75% และน้ำมันเบนซินธรรมดา 25% ซึ่งได้ช่วยลดการปล่อยมลพิษจากท่อไอเสียได้อย่างมาก

โดยเชื้อเพลิงสะอาดนี้ได้ถูกใช้ในการทดลองขับรุ่น new Continental GT Speed และใช้สำหรับรถยนต์สนับสนุนภายในงาน ในขณะที่แบตเตอรี่ไฮบริดขนาด 25.9 กิโลวัตต์/ชั่วโมง สามารถชาร์จด้วยพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 100% จากโครงการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ และกังหันลมในท้องถิ่น ในการช่วยลดมลพิษ การผสมผสานสมรรถนะของเครื่องยนต์แบบ Ultra Performance Hybrid ของ New Continental GT Speed เจเนอเรชันที่ 4 และเชื้อเพลิง eFuel ประกอบกับพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 100% จากโรงแรมได้ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 93% เมื่อเทียบกับงานครั้งก่อน

เส้นทางการขับขี่ในกิจกรรม ได้รวมเอาช่องเขาที่มีชื่อเสียง 4 แห่ง อันได้แก่ Sustenpass, Grimselpass, Nufenenpass และ St. Gotthard-pass โดยตลอดกิจกรรม New Continental GT Speed ​​ทั้ง12 คัน ได้ไต่ระดับขึ้นไปรวมกว่า 1,400,000 ฟุต ผ่านโค้งหักศอกกว่า 4,500 โค้ง ซึ่งเป็นระยะทางรวมกว่า 13,000 กิโลเมตรใน 7 วัน พร้อมยังสามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอนโดยรวมต่อผู้เข้าร่วมได้อีกถึง 30%

สำหรับการขับขี่สุดยอดแกรนด์ทัวเรอร์รุ่นใหม่ แขกผู้ร่วมกิจกรรมไม่เพียงแต่ได้สัมผัสกับประสิทธิภาพการขับขี่แบบไดนามิกจากเทคโนโลยีแชสซีส์ใหม่ พร้อมระบบกันกระเทือนแบบวาล์วคู่ชั้นสูงของเบนท์ลีย์เท่านั้น แต่ยังได้สัมผัสถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์แบบ Ultra Performance Hybrid ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการเติมแรงบิดที่ความเร็วเครื่องยนต์ต่ำ พร้อมกับความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์

New Continental GT Speed ได้รับการรับรองด้วยอัตราการปล่อยคาร์บอนที่ 29 กรัม/กิโลเมตร และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 350 กิโลเมตร/แกลลอน โดยจะมีกำหนดส่งมอบถึงตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปีหน้า

แม้ว่าอัตราการปล่อยมลพิษจากงานจะลดลงอย่างมาก แต่ปัจจัยภายนอกด้านสิ่งแวดล้อมของงาน Global Media Drive ยังคงเป็นการปล่อยคาร์บอนจากเที่ยวบินระหว่างประเทศที่จำเป็น สำหรับการเดินทางมาร่วมงาน ด้วยเหตุนี้ เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส จึงเลือกพิจารณาชดเชยการปล่อยคาร์บอนในพื้นที่ด้วยการใช้คาร์บอนเครดิต

เรื่องราวของพลังงานสะอาด eFuel

eFuels (เชื้อเพลิงสังเคราะห์) คือ เชื้อเพลิงเหลวสังเคราะห์ ที่ผลิตจากไฮโดรเจนซึ่งได้จากพลังงานหมุนเวียน และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สามารถกรองจากอากาศรอบตัวได้

เชื้อเพลิงดังกล่าวเป็นเชื้อเพลิงที่มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกือบเป็นกลาง ซึ่งรถยนต์ทั่วไปสามารถใช้เชื้อเพลิงประเภทนี้ได้ โดยไม่ต้องดัดแปลงใดๆ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ร่วมกับโครงสร้างพื้นฐานของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบัน และสามารถผสมกับน้ำมันเบนซินแบบเดิมได้ และจากความร่วมมือของ Porsche กับพันธมิตรระดับนานาชาติ พร้อมด้วย Highly Innovative Fuels (HIF)บริษัทสัญชาติชิลี จึงก่อให้เกิดการจัดตั้งโรงงานนำร่อง Haru Oni ​​ในประเทศชิลี โดยเหตุผลที่เลือกสถานที่ดังกล่าว เนื่องจากมีแรงลมที่สม่ำเสมอในปริมาณมากพอ สำหรับใช้ในการขับเคลื่อนกังหันลมผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งในประเทศชิลี มีสภาพอากาศที่สมบูรณ์กว่า 270 วัน/ปี ซึ่งดีกว่าในยุโรปถึง 4 เท่า

พลังงานไฟฟ้าจากกังหันลมจะนำไปใช้ในกระบวนการอิเล็กโทรไลซิส เพื่อผลิตไฮโดรเจนจากน้ำ โดยจะดักจับคาร์บอนจากกระบวนการกลั่นก่อนการนำ Direct Air Capture (DAC) มาใช้ในปีหน้า เพื่อสกัดคาร์บอนจากชั้นบรรยากาศ จากนั้นก๊าซต่างๆ จะผ่านกระบวนการเพื่อให้เข้ากัน และผลิตเป็นเมทานอล จากนั้นจึงแปลงเมทานอลเป็นน้ำมันเบนซิน เพื่อผลิต eFuel ซึ่งเชื้อเพลิง eFuel จะถูกกลั่นเพิ่มเติม เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบัน

เป้าหมายของการใช้ eFuel คือ การไม่ก่อให้เกิดคาร์บอนเกินปริมาณที่จำเป็นในการผลิตเชื้อเพลิงแบบเดิมเมื่อถูกเผาไหม้ เพื่อตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำแบบ 100% ซึ่งโรงงานนำร่องในประเทศชิลี ตั้งเป้าที่จะผลิต eFuel กว่า 100,000 ลิตร/ปี โดยเชื้อเพลิงดังกล่าว จะถูกนำไปใช้ในโครงการประภาคาร เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญในการยกระดับเทคโนโลยี eFuel ซึ่งเบนท์ลีย์เอง ก็กำลังค้นคว้าเชื้อเพลิงทางเลือกอย่างเข้มข้น รวมถึงเชื้อเพลิงที่ได้จากชีวภาพ และ eFuels ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในอนาคต ที่จะนำไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบใน ปัจจุบัน เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส กำลังดำเนินการตามแนวทางด้านความยั่งยืนในระยะยาว พร้อมกับที่รถยนต์เบนท์ลีย์ทุกรุ่นสามารถใช้เชื้อเพลิงหมุนเวียนได้

New Continental GT Speed เจเนอเรชันที่ 4

New Continental GT Speed ถือเป็นรถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เบนท์ลีย์เคยผลิตขึ้นมา แกรนด์ทัวเรอร์รุ่นใหม่นี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์แบบ Ultra Performance Hybrid ใหม่ล่าสุดที่มีกำลังสูงสุดถึง 782 แรงม้า แรงบิดกว่า 1,000 นิวตันเมตร ซึ่งให้แรงม้า และแรงบิดมากกว่าเครื่องยนต์ W12 รุ่นเดิม พร้อมกับอัตราการปล่อยคาร์บอนที่ลดลงอย่างมากเหลือ 29 กรัม/กิโลเมตร*

สมรรถนะของระบบส่งกำลัง มาพร้อมกับระบบแชสซีส์ใหม่ ที่มีสปริงลมแบบ 2 ห้อง จับคู่กับโช้คอัพแบบวาล์วคู่ใหม่ พร้อมด้วยเทคโนโลยี Bentley Dynamic Ride (ระบบควบคุมการเข้าโค้งแบบแอคทีฟ 48V), eLSD และระบบกระจายแรงบิด ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ประสิทธิภาพในการควบคุม และเสถียรภาพในการขับขี่ดีเยี่ยม ที่มาพร้อมกับความสบายในการขับขี่ ซึ่ง Continental GT ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน มาด้วยการกระจายน้ำหนักที่เน้นไปทางด้านหลังในอัตราส่วน 49:51 โดยถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมยานยนต์

การออกแบบภายนอกแบบใหม่หมดจด คือ เป็นการปฏิวัติการออกแบบในอนาคตของรถยนต์เบนท์ลีย์ ด้วยการพัฒนารูปลักษณ์ของ Continental GT ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบสองทศวรรษ และยังเป็นรถยนต์เบนท์ลีย์รุ่นแรกที่มีการออกแบบไฟหน้าแบบเดี่ยว นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950

การออกแบบภายในห้องโดยสาร ยังคงมาพร้อมกับคุณภาพการออกแบบที่ไร้ที่ติ วัสดุและงานฝีมือที่น่าทึ่ง พร้อมกับการนำเอาเทคโนโลยีเบาะโดยสารเพื่อสุขภาพชั้นสูง, การสร้างไอออนในอากาศแบบใหม่, พื้นผิวหนังแบบสามมิติ, การเย็บแบบร่วมสมัย และการตกแต่งทางเทคนิคอื่นๆ เช่น โครเมียมสีเข้มแบบใหม่ที่ต่อยอดจากการออกแบบห้องโดยสารในรถยนต์ระดับเดียวกัน เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า

สำหรับการเปิดรับคำสั่งจอง เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้า และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย มอบข้อเสนอที่ดีที่สุด สำหรับการสั่งจองรถยนต์เบนท์ลีย์ รุ่น New Continental GT Speed และรุ่น New Continental GT Convertible Speed ด้วยเอกสิทธิ์การบริการหลังการขายมาตรฐานโรงงานผู้ผลิต ด้วยการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดที่ ‘นานที่สุด’ ถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน), การรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต และบริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (24-hour Bentley Roadside Assistance) นาน 3 ปีเต็ม พร้อมรับสิทธิ์การต่อการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี

ผู้สนใจครอบครองรถยนต์เบนท์ลีย์ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด โทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิกhttps://lin.ee/4JOaZyE8V