ภายใต้ร่มเงาของต้นมะม่วง และสวนปาล์ม บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแดง ทางตอนเหนือของเวียดนาม คือ จุดกำเนิดของบริษัท ที่ทุกวันนี้กำลังกลายเป็นผู้พลิกโฉมแวดวงยานยนต์ไฟฟ้าของโลก วินฟาสต์ (VinFast) ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเวียดนามที่มุ่งมั่นเข้ามาท้าชิง เป็นคู่แข่งกับยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลกทั้งหลาย ได้สร้างโรงงานขนาดใหญ่ ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์อันกล้าหาญขึ้นที่นี่
5 ปีต่อมา วินฟาสต์ (VinFast) ได้รับเลือกให้อยู่ในรายชื่อ 100 บริษัท ที่ทรงอิทธิพลที่สุดประจำปี 2024 ของนิตยสารไทม์ ส่งผลให้ วินฟาสต์ (VinFast) เดินหน้าเข้ามาเทียบเคียงบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Amazon และ TikTok ตลอดจนผู้นำด้านยานยนต์โลกอย่าง BMW และ Toyota หรือแม้แต่สตาร์ทอัพด้าน AI ที่พลิกโฉมวงการอย่าง OpenAI และ Anthropic
ภายในรายชื่อดังกล่าว นิตยสารไทม์ ได้จัด วินฟาสต์ (VinFast) ให้อยู่ในประเภท “Disruptor” ชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จในการสร้างอิมแพ็คให้กับตลาดรถยนต์ ผ่านโมเดลทางธุรกิจที่เป็นนวัตกรรม และไม่เคยปรากฏมาก่อน นิตยสารไทม์ ยังเน้นย้ำถึงบทบาทของ วินฟาสต์ (VinFast) ในการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยเรียกสิ่งนี้ว่า “An EV Splash”
นิตยสารไทม์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2432 และมีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์ก ซึ่งมีอิทธิพลไปทั่วโลก เป็นเวลากว่าศตวรรษแล้วที่นิตยสารฉบับนี้เผยแพร่ไปทุกทวีปของโลก และได้รับการยกย่องอย่างสูงจากทั่วโลก การจัดอันดับรายชื่อ TIME100 ริเริ่มในปี 2564 เพื่อยกย่องบริษัท100 อันดับแรกที่ทรงอิทธิพลที่สุดในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เทคโนโลยีการดูแลสุขภาพ, การขนส่ง และพลังงาน การได้รับเลือกให้อยู่ในรายชื่อดังกล่าว แสดงถึงความสำเร็จที่สำคัญอันโดดเด่นของบริษัทนั้นๆ ซึ่งกระบวนการคัดเลือกอันเข้มข้นของไทม์ ประกอบด้วย การรีวิวจากทีมบรรณาธิการ, ความคิดเห็นจากสื่อมวลชนทั่วโลก และการปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญที่เป็นบุคคลภายนอก บริษัทที่ได้รับเลือกต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพที่โดดเด่น อิมแพ็คที่มีต่อตลาด ความคิดสร้างสรรค์ ความมุ่งมั่น และบทพิสูจน์ความสำเร็จ
วินฟาสต์ (VinFast) ได้รับการจัดให้อยู่ในประเภท “Disruptor” ซึ่งตามนิยามที่กำหนดโดยไทม์ หมายถึงบริษัทที่นำเสนอวิธีการ หรือเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงในสายธุรกิจของตนอย่างมีนัยสำคัญ การได้รับคัดเลือกครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า วินฟาสต์ (VinFast) ได้รับการยอมรับในฐานะบริษัทที่สร้างอิมแพ็คให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยการท้าทายโมเดลธุรกิจแบบเดิมๆ
Dr. Tran Dinh Thien วิเคราะห์เกี่ยวกับการที่ วินฟาสต์ (VinFast) ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน “Disruptor” ของนิตยสารไทม์ครั้งนี้ ว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในหลายระดับ ประการแรก คือ ถือเป็นความล้ำหน้าของบริษัทจากประเทศกำลังพัฒนาในการก้าวไปสู่เวทีระดับโลก, ประการที่สอง คือ แนวทางของ วินฟาสต์ (VinFast) ที่มุ่งเน้นไปในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่ และท้าทาย ก็ถือเป็นความล้ำหน้าด้วยตัวเองอยู่แล้วเช่นกัน
นอกจากนี้ Dr. Tran Dinh Thien ยังเน้นย้ำถึงความสำเร็จของ วินฟาสต์ (VinFast) ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ด้วยการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม “ความกล้าหาญ และความเต็มใจที่จะรับมือกับความท้าทาย คือ สิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความล้ำหน้าของ วินฟาสต์ (VinFast) อย่างแท้จริง ซึ่งไม่ใช่ทุกบริษัทจะกล้าทำแบบนี้”
เมื่อมองให้ไกลเกินกว่าความสำเร็จต่างๆ ที่ได้รับ Dr. Tran Dinh Thien เชื่อว่าเส้นทางธุรกิจของ วินฟาสต์ (VinFast) จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับโลก “เรื่องราวของ วินฟาสต์ (VinFast) จะช่วยส่งเสริม และผลักดันให้เกิดวิสัยทัศน์ทางธุรกิจใหม่ๆ ขึ้นทั่วโลก นอกจากนี้ การที่ วินฟาสต์ (VinFast) มีต้นกำเนิดในประเทศกำลังพัฒนาอย่างเวียดนาม จะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจจากประเทศเศรษฐกิจใหม่ มีความโดดเด่นยิ่งขึ้นในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรงในปัจจุบัน”
Pham Chi Lan ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ชาวเวียดนาม กล่าวย้ำถึงความสำคัญของประวัติการก่อร่างสร้างบริษัทที่ส่งผลให้ วินฟาสต์ (VinFast) ได้รับการยอมรับ “ความสำเร็จของ วินฟาสต์ (VinFast) ครั้งนี้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น เมื่อพิจารณาจากสภาพอากาศโลกในปัจจุบัน ความผันผวนของตลาดที่รุนแรง และการแข่งขันที่ดุเดือดในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะภาคยานยนต์ไฟฟ้า”
“เมื่อนิตยสารไทม์ มาเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ วินฟาสต์ (VinFast) ทางตอนเหนือของเวียดนามในปี 2022 Google Maps ยังคงแสดงพื้นที่ครึ่งหนึ่งของบริเวณดังกล่าวอยู่ใต้ทะเลจีนใต้ ซึ่งโรงงานนี้ตั้งอยู่บนที่ดิน ซึ่งถมทะเลขึ้นมา และสามารถสร้างเสร็จ และเปิดดำเนินการได้ในเวลาเพียง 21 เดือน” นิตยสารไทม์ระบุ
ด้านนอกโรงงาน โลกที่ห่างไกลจากเสียงเครื่องจักรหุ่นยนต์ในสายการผลิตรถยนต์ กลุ่มชาวประมงสวมหมวกทรงกรวยแบบดั้งเดิมกำลังเดินอยู่บนหาดโคลน ขว้างอวนจับปลานิล และปลาเฉา แต่เมื่อก้าวเข้าไปในโรงงาน วินฟาสต์ (VinFast) ใกล้กับเมืองท่าไฮฟอง ภาพที่เห็นกลับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยระบบอัตโนมัติ ซึ่งกำลังทำงานในขณะที่รถยนต์แต่ละคันเคลื่อนตัวไปตามสายพานลำเลียงความยาว 2.5 ไมล์ กองทัพหุ่นยนต์ที่มีแขนรวมกัน 1,250 แขน ที่ทำงานประสานกัน และเคลื่อนไหวด้วยความแม่นยำ นำส่วนประกอบ 3,000 ชิ้น ใส่ให้กับยานพาหนะแต่ละคันอย่างพิถีพิถัน พร้อมประกายไฟ และหมุดที่ยึดชิ้นส่วนทุกชิ้นให้แน่นหนา
ความมุ่งมั่นต่อเทคโนโลยีล้ำสมัย ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนภายในโรงงาน วินฟาสต์ (VinFast) ด้วยเครื่องจักรที่ส่งมาจากเยอรมนี ญี่ปุ่น และสวีเดน ขั้นตอนการเชื่อมกว่า 98% ดำเนินการโดยระบบอัตโนมัติ กำลังการผลิตรถยนต์ที่สูงลิ่วถึง250,000 คันต่อปี และสิ่งที่น่าทึ่งที่สุด คือ โรงงานแห่งนี้มีระดับความยืดหยุ่นที่สูงอย่างที่การผลิตแบบดั้งเดิมไม่สามารถทำได้ แทนที่จะมีสายการประกอบเฉพาะ สำหรับรถแต่ละรุ่น วินฟาสต์ (VinFast) ได้ออกแบบระบบที่สามารถผลิตหลายรุ่นพร้อมกันในสายการผลิตเดียวกัน
ในเวลาเพียง 5 ปี นับตั้งแต่การเปิดโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไฮฟองอย่างเป็นทางการ วินฟาสต์ (VinFast) ได้เดินหน้าพิชิตตลาดโลกหลังจากเปลี่ยนสายการผลิตมาเป็นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนๆ “วินฟาสต์ (VinFast) เกิดขึ้นจาก Pham Nhat Vuong บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของเวียดนาม ผู้ซึ่งสร้างรายได้มหาศาลจากธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และเป็นเจ้าของอาณาจักร วินกรุ๊ป (Vingroup) ที่มีธุรกิจมากมาย ตั้งแต่ โรงแรมไปจนถึงโรงพยาบาล ปัจจุบัน วินฟาสต์ (VinFast) กำลังเตรียมเปิดโรงงานในนอร์ธแคโรไลนา, สหรัฐฯ, อินโดนีเซีย และอินเดีย อีกด้วย” นิตยสารไทม์ระบุ
นอกจากธุรกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วแล้ว วินฟาสต์ (VinFast) ยังถือเป็น “ผู้พลิกโฉม” อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยกลยุทธ์การขายที่ล้ำหน้ากว่าใคร โดยนิตยสารไทม์ ระบุว่า เอกลักษณ์อันโดดเด่นของโมเดลธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าแบบให้เช่าแบตเตอรี่ของ วินฟาสต์ (VinFast) ที่ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของวงการนี้ เป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ
บริการให้เช่าแบตเตอรี่ของ วินฟาสต์ (VinFast) เป็นการแยกต้นทุนแบตเตอรี่ออกจากราคารถยนต์ ส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาไม่แพงสำหรับผู้บริโภคส่วนใหญ่ นอกจากนี้ บริษัทยังรับประกันเปลี่ยนแบตเตอรี่ฟรี เมื่อความจุลดลง ซึ่งช่วยลดต้นทุนการเป็นเจ้าของในระยะยาวอีกด้วย แนวทางที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางนี้ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก เนื่องจากเป็นการแก้ปัญหาอุปสรรคสำคัญในการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ได้ตรงจุด นั่นคือ ค่าใช้จ่ายก้อนแรกที่สูงเกินไปแม้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ากำลังเผชิญกับความท้าทาย แต่ วินฟาสต์ (VinFast) ยังคงแน่วแน่ในเส้นทางการเติบโต
โดยตั้งเป้าหมายชัดเจนในการส่งมอบรถยนต์ 100,000 คัน ในปี 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากยอดขายในปัจจุบัน 3 เท่า เป้าหมายอันยิ่งใหญ่นี้ ได้รับการสนับสนุนจากแผนการขยายธุรกิจไปทั่วโลก โดยการเดินหน้าขยายตลาดจากสหรัฐอเมริกาและแคนาดา มาสู่ตลาดประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน เช่น ไทย, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
Dr. Tran Dinh Thien อดีตผู้อำนวยการสถาบันเศรษฐศาสตร์เวียดนาม มองว่าการที่ วินฟาสต์ (VinFast) ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อ 100 บริษัท ที่มีอิทธิพลมากที่สุด โดยนิตยสารไทม์ ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญ ไม่เพียงสำหรับบริษัทเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศเวียดนามอีกด้วย การได้รับการยอมรับดังกล่าวเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเป็นธุรกิจที่ลงหลักปักฐานได้อย่างแข็งแกร่ง ตลอดจนความสามารถของ วินฟาสต์ (VinFast) ในการสร้างการเติบโตในตลาดยานยนต์ระดับโลก
“วินฟาสต์ (VinFast) อาจยังไม่ใช่ชื่อที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักในวันนี้ แต่แนวทางในการรับมือกับความท้าทายทางการตลาด และความพร้อมที่จะก้าวสู่เวทีการแข่งขันระดับโลกของ วินฟาสต์ (VinFast) นั้นเป็นสิ่งที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง” Dr. Tran Dinh Thien ตั้งข้อสังเกต
ความมุ่งมั่นอันแน่วแน่นี้ ได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจาก Pham Nhat Vuong ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอของ วินฟาสต์ (VinFast) ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ให้คำมั่นว่าจะจัดสรรเงินทุนส่วนตัวอีก 1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างการเติบโตให้กับ วินฟาสต์ (VinFast) ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าผู้บุกเบิก และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ของเวียดนามไปสู่เวทีระดับโลก ดังที่ Pham Nhat Vuong กล่าวในการประชุมผู้ถือหุ้นของ วินฟาสต์ (VinFast) ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า “ผมจะไม่มีวันยอมแพ้กับวินฟาสต์ (VinFast)” ความมุ่งมั่นอันแน่วแน่นี้ ประกอบกับนวัตกรรมกลยุทธ์ และแผนการขยายธุรกิจอันชาญฉลาดผลักดันให้ วินฟาสต์ (VinFast) ก้าวเป็นผู้พลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และพร้อมที่จะพลิกโฉมภูมิทัศน์ของตลาดยานยนต์โลกในอนาคตต่อไป