ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์เตรียมกลับทำเนียบขาว ในมกราคม 2025 ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์หลังจากที่รัฐบาลได้สนับสนุน EV มานานหลายปี แม้ว่ารายละเอียดต่างๆ จะยังไม่ชัดเจน แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลชุดใหม่ต้องการยุติเครดิตภาษีของรัฐบาลกลางมูลค่า 7,500 เหรียญ (217,000 บาท)
สำนักข่าว Reuters อ้างแหล่งข่าว 2 รายที่ทราบเรื่องนี้ว่าทีมงานเปลี่ยนผ่านของทรัมป์มีเป้าหมายที่จะยกเลิกเครดิตภาษี EV ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการปฏิรูปภาษีที่ใหญ่กว่านี้ โดย Tesla ให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหวดังกล่าว และชัดเจนว่าซีอีโอ อีลอน มัสก์ ที่สนับสนุนเขาในช่วงหาเสียง
ในเดือนมิถุนายน กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ และกรมสรรพากรกล่าวว่าเครดิตภาษีล่วงหน้าใหม่นี้ใช้ในการซื้อรถ EV ที่เป็นรถใหม่มากกว่า 125,000 คันและรถยนต์มือสองมากกว่า 25,000 คัน โดยเครดิตเงินสำหรับรถใหม่มีมูลค่าสูงถึง 7,500 เหรียญ ในขณะที่รถมือสองมีสิทธิ์ได้รับสูงสุด 4,000 เหรียญ
หากเครดิตโดนยกเลิก รถไฟฟ้าอาจจะน่าดึงดูดน้อยลงทันที ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงต่อผู้ผลิตรถยนต์ที่ทุ่มสุดตัวกับรถยนต์ไฟฟ้า เพราะจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลืออีกต่อไปแล้ว นอกจากนี้ยังอาจทำให้ค่ายรถอื่น ล้มเลิกหรือเลื่อนแผนงานการผลิตรถไฟฟ้าออกไปก่อน
แน่นอนว่าการที่ค่ายรถอื่นชะลอการพัฒนารถ EV ออกไปเพราะไม่ได้รับการลดภาษีแล้ว มันส่งผลดีกับ Tesla และทำให้ อีลอน มัสก์ ไม่คัดค้านในส่วนนี้ เพราะการที่ไม่มีภาษีช่วยทำให้ส่งผลลบต่อคู่แข่งของTesla แต่ส่งผลน้อยกว่ามากสำหรับเทสลาเอง และคาดว่ามัสก์ได้มองว่า “ในระยะยาว” มันเป็นประโยชน์ต่อ Tesla มากกว่า
และหากยกเลิกเงินช่วยเหลือถูกยกเลิก ก็อาจทำให้ผู้ซื้อแห่กันมาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าก่อนสิ้นปี แน่นอนว่า Tesla จะเป็นตัวเลือกที่แฟน ๆ ซื้อ เพราะครองตลาดมากกว่า 50% ทำให้ Tesla ผู้ชนะรายใหญ่ที่สุดในสถานการณ์นี้
หากไม่มีเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล คู่แข่งของ Tesla หลายรายที่ทุ่มเงินมหาศาลในการพัฒนารถ EV อาจประสบปัญหาหนัก บางรายอาจต้องล้มละลายไปเลย ในทางกลับกัน Tesla ครองตลาดและมีขนาดที่ใหญ่ ซึ่งต่อให้จะไม่มีเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลก็ยังสามารถทำยอดขายได้ดีเพราะไม่มีคู่แข่งแล้ว
ที่มา Carscoops