ระบบไฮบริดใหม่ของ Subaru ทำให้วิ่งได้ระยะทางไกลกว่าเดิม

ก่อนหน้านี้ในเดือน พฤษภาคมค่าย Subaru, Mazda และ Toyota ได้ประกาศความร่วมมือ เพื่อประกาศว่าทั้ง 3 ค่ายจะสนับสนุนรถสันดาป และหลังจากนั้นทาง Subaru ได้เปิดเผยข้อมูลจำเพาะเบื้องต้นเกี่ยวกับระบบส่งกำลังแบบบ็อกเซอร์ไฟฟ้า และล่าสุดจะมีการเปิดตัวรถที่ใช้ระบบนี้แล้ว ซึ่งก็คือรถ Subaru Crosstrek จะเป็นรุ่นแรกที่ใช้ระบบไฮบริดรุ่นใหม่ของค่าย

หัวใจสำคัญของระบบไฮบริดใหม่นี้คือเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรที่วางในแนวนอนซึ่งพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับการใช้ร่วมกับระบบไฟฟ้า โดยให้ความแรงระดับ 158 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที และแรงบิด 209 นิวตัน-เมตร

ด้วยพื้นที่ด้านหลังที่มากขึ้น รถมาพร้อมถังน้ำมันขนาดใหญ่มากถึง 63 ลิตร เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับระบบไฮบริดปัจจุบัน Crosstrek จึงมีระยะการเดินทางไกลที่สุดของ Subaru ในประวัติศาสตร์ สามารถวิ่งได้มากกว่า 1,000 กิโลเมตร โดยใช้น้ำมันถังเดียว เท่านั้น ถือว่าน่าทึ่งเพราะความจุของแบตมีเพียง 1.1 kWh เท่านั้น

เครื่องยนต์เบนซินทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวที่ติดตั้งไว้ที่ด้านหน้า โดยตัวหนึ่งขับเคลื่อนล้อและอีกตัวทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า มอเตอร์ขับเคลื่อนมีกำลัง 118 แรงม้าและแรงบิด 270 นิวตันเมตร Subaru ไม่ได้ระบุกำลังรวมว่ามีกี่แรงม้าในตอนนี้

นอกจากนี้ Subaru Crosstrek ยังมีช่องจ่ายไฟขนาดใหญ่ 1,500 วัตต์ในพื้นที่เก็บสัมภาระเพื่อเชื่อมต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ตั้งแคมป์ที่เจ้าของรถสามารถใช้เป็นเครื่องจ่ายไฟให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ได้

โดย Subaru Crosstrek รุ่นไฮบริดรุ่น JDM (ผลิตและขายในญี่ปุ่น) จะวางจำหน่ายในเดือนธันวาคม 2024 และมีแนวโน้มว่าจะเปิดตัวทั่วโลกในปีหน้า

ที่มา Motor1