ดูเหมือนว่าปี 2024 ที่ดีสำหรับ Tesla เพราะเมื่อเทียบกับยอดขายปี 2023 ที่ Tesla ได้รับความนิยมและเป็นหนึ่งในค่ายรถ EV ที่ขายดีที่สุดในโลก แต่ยอดในปี 2024 กลับไม่ดูไม่สดใสอีกต่อไป
โดยข้อมูลล่าสุดจากการสำรวจของ JATO Dynamics รวบรวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 แสดงให้เห็นว่า Tesla สูญเสียพื้นที่ทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยยอดขายลดลง 8 เปอร์เซ็นต์และ 13 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ
แม้ว่าผู้บริโภคอาจจะลดความสนใจรถ EV ลง แต่ความต้องการรถไฟฟ้าโดยรวมก็เติบโตขึ้นในทั้งสองภูมิภาค แต่ดูเหมือนทาง Tesla ไม่สามารถแย่งส่วนแบ่งการตลาดได้ โดยยอดขายของ Tesla ในยุโรปลดลงจาก 185,200 คันในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 เหลือ 161,300 คันในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2024 อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ยอดจดทะเบียน EV โดยรวมทั้งหมดเพิ่มขึ้น 1.7 เปอร์เซ็นต์
โดยตลาดในยุโรป Tesla และ Volkswagen สูญเสียตำแหน่งให้กับ Geely Group ซึ่งได้รับการเสริมกำลังจากผลงานอันแข็งแกร่งของ Volvo EX30 ส่วน BMW Group ซึ่งยังคงเก็บเกี่ยวความสำเร็จจากรถรุ่นล่าสุดอย่างต่อเนื่อง ส่วนแบรนด์จีนก็เติบโตขึ้นเช่นกัน โดยยอดขายส่วนใหญ่มาจาก BYD เป็นหลัก
สถานการณ์ในสหรัฐอเมริกาก็คล้ายกัน ปริมาณการขายของ Tesla ลดลงจาก 324,900 คันในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 เหลือ 299,200 คันในปี 2024 ในขณะเดียวกัน ยอดขายรถยนต์บีอีวีโดยรวมเพิ่มขึ้น 7.6 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ส่วนแบ่งของ Tesla ลดลงจาก 59.8 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2023 เหลือ 51.2 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2024 แม้จะยังเป็นเบอร์หนึ่งในบ้านเกิด แต่ยอดค่ายรถ EV ของคู่แข่งเพิ่มขึ้นโดย ฮุนไดขายรถ EV เพิ่มขึ้น 34 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ฟอร์ดเพิ่มขึ้น 48 เปอร์เซ็นต์ ค่าย Rivian ทำได้มากกว่าเดิม 77 เปอร์เซ็นต์ และ Kia ขายเพิ่ม 110 เปอร์เซ็นต์
เหตุผลแรกที่ทำให้ Tesla ลดลงนั้นชัดเจน เพราะยังไม่มีโมเดลใหม่จริง ๆ ที่น่าสนใจ แม้จะมีการเปิดตัว Tesla Model 3 ได้รับการรีเฟรชในปี 2023 แต่ในส่วนของ Model Y ก็มีอายุได้ 5 ปีแล้ว และ Model S ก็เปิดตัวมาหลายปีแล้ว
ส่วนในยุโรปก็มีการแข่งขันที่รุนแรงมาก Tesla ต้องพบเจอรถ EV จากแบรนด์ระดับพรีเมียมของเยอรมันและ จีน และที่น่าผิดหวังคือรถกระบะสุดไฮเทคอย่าง Cybertruck ไม่ได้ได้รับความนิยมมากนักในแง่ของยอดขาย โดยขายได้เพียง 11,300 คันในสหรัฐอเมริกาจนถึงครึ่งแรกของปี 2024
และการรดราคาของ Tesla ที่เคยได้ผลในปี 2023 ก็ไม่น่าดึงดูดใจนัก เมื่อมีรถไฟฟ้าหลากหลายยี่ห้ออื่นออกสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้หากไม่มีโมเดลใหม่ที่น่าสนใจไม่น่าแปลกที่จะเห็นยอดขาย Tesla ลดลง
ที่มา motor1