การพัฒนา สร้าง และขายรถไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก และบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Xiaomi ก็ได้ประสบกับปัญหานี้เช่นกัน โดยมีรายงานออกมาก่อนหน้านี้ว่าทางค่ายจะต้องขาดทุนหลายล้านดอลลาร์จากการเปิดตัวรถสปอร์ตซีดาน SU7 อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเป็นรายคันแล้ว Xiaomi ทำได้ดีกว่าค่ายอื่นมาก
แผนกยานยนต์ของ Xiaomi ขาดทุน 252 ล้านดอลลาร์สำหรับไตรมาสที่สองซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน ซึ่งในเดือนเมษายน พฤษภาคม และมิถุนายน Xiaomi ส่งมอบรถ EV ให้กับผู้ซื้อในจีน 27,307 คัน และเชื่อว่าจะสามารถส่งมอบได้มากกว่า 100,000 คันภายในเดือนพฤศจิกายน
และมีรายงานว่า Xiaomi ขาดทุน 9,200 ดอลลาร์สำหรับรถยนต์ทุกคันที่ขายออกไป
แม้ว่าแผนกรถยนต์ของ Xiaomi จะไม่ใช่ธุรกิจที่ทำเงินได้ในตอนนี้ แต่การขาดทุนดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม มีการเปิดเผยว่า Rivian ขาดทุน 1.46 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่สอง ผลิตได้เพียง 9,162 คันในช่วงเวลาเดียวกัน และขาดทุน 32,705 เหรียญสหรัฐต่อคันที่ส่งมอบในไตรมาสที่สอง ส่วนยักษ์ใหญ่อย่าง Ford ทำได้แย่กว่านั้นอีก ในไตรมาสที่สอง แผนกรถยนต์ไฟฟ้า Ford Model e ขาดทุน 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐและขายได้ 23,957 คัน ขาดทุนเทียบเท่า 47,600 เหรียญสหรัฐต่อรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายได้
นักวิเคราะห์จาก Citibank เชื่อว่าธุรกิจรถ EV ของ Xiaomi อาจถึงจุดคุ้มทุนได้ หากเริ่มขายรถยนต์ได้มากถึง300,000-400,000 คันต่อปี
ที่น่าสนใจคือ Lei Jun ไม่มีความทะเยอทะยานที่จะขายรถไฟฟ้าของ Xiaomi รุ่นปัจจุบันหรือรุ่นในอนาคตนอกประเทศจีน เมื่อพูดคุยกับ CNBC เมื่อเดือนเมษายน Lei กล่าวว่าบริษัทจะมุ่งเน้นไปที่ตลาดจีนอย่างเคร่งครัดเป็นเวลาสามปีก่อนที่จะเข้าสู่ตลาดโลก ซึ่งคาดว่าการออกรุ่นต่อไปจะช่วยให้ค่าย Xiaomi มีกำไรขึ้น โดยมีข่าวว่าจะมีการเปิดตัวรถ SUV ไฟฟ้าของค่ายในช่วงปลายปีนี้
ที่มา Carscoops