ตลาดรถยนต์เดือนกันยายน เติบโตลดลง ยอดขาย 39,048 คัน ลดลง 37.1%

นาย ศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนกันยายน 2567 ยอดขายตลาดรวม 39,048 คัน ลดลง 37.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 15,668 คัน ลดลง 38.4% ในขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มีปริมาณการขาย 23,380 คัน ลดลง 36.2% และรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขายทั้งหมด 13,972 คัน ลดลง 40.1%

ประเด็นสำคัญ

ตลาดรถยนต์เดือนกันยายน 2567 มียอดขาย 39,048 คัน ลดลง 37.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กลุ่มตลาดรถยนต์นั่งเติบโตลดลงที่ 38.4% ด้วยยอดขาย 15,668 คัน ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ลดลงเช่นกันที่ 36.2% ด้วยยอดขาย 23,380 คัน และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขาย 13,972 คัน ลดลง 40.1% ในส่วนของตลาด xEV มียอดขายทั้งหมด 13,102 คัน คิดเป็นสัดส่วน 34% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด ลดลง 21%

เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ยอดขายรถยนต์ HEV มีอัตราการเติบโตลดลงเช่นกัน ที่ 11% แต่ยังคงสัดส่วนการขายสูงที่สุดในตลาดรถ xEV ด้วยยอดขาย 7,355 คัน คิดเป็น 56% ของตลาด xEV ทั้งหมด ในส่วนของรถยนต์ BEV ทำยอดขายได้ 4,982 คัน ลดลง 32% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา 

ตลาดรถยนต์เดือนตุลาคม มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากเดือนกันยายน แต่ยังคงเติบโตลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และผลกระทบจากภาวะอุทกภัย อย่างไรก็ตาม การประกาศลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลาง รวมถึงการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ และโปรโมชั่นการขายที่น่าสนใจจากหลากหลายค่ายรถยนต์ อาจมีส่วนช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนกันยายน 2567

ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 39,048 คันลดลง 37.1%

อันดับ 1 โตโยต้า15,311 คันลดลง27.6%ส่วนแบ่งตลาด39.2%
อันดับ 2 อีซูซุ      6,080 คันลดลง44.2%    ส่วนแบ่งตลาด15.6%
อันดับ 3 ฮอนด้า4,365 คันลดลง52.1%    ส่วนแบ่งตลาด11.2%

ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 15,668 คันลดลง 38.4%

อันดับ 1 โตโยต้า4,692 คันลดลง52.7%ส่วนแบ่งตลาด29.9%
อันดับ 2 ฮอนด้า 3,426 คันลดลง18.7%ส่วนแบ่งตลาด21.9%
อันดับ 3 มิตซูบิชิ1,395 คันเพิ่มขึ้น28.8%ส่วนแบ่งตลาด8.9%

ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 23,380 คัน ลดลง 36.2%

อันดับ 1 โตโยต้า10,619 คันลดลง5.3%  ส่วนแบ่งตลาด45.4%
อันดับ 2 อีซูซุ6,080 คันลดลง44.2%ส่วนแบ่งตลาด26%
อันดับ 3 ฟอร์ด1,374 คันลดลง53.4%ส่วนแบ่งตลาด5.9%

ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย13,972 คัน ลดลง 40.1%                           

อันดับ 1 โตโยต้า6,488 คันลดลง 32.%   ส่วนแบ่งตลาด46.4%
อันดับ 2 อีซูซุ5,101 คันลดลง45.1%ส่วนแบ่งตลาด36.5%
อันดับ 3 ฟอร์ด1,374 คันลดลง53.4%ส่วนแบ่งตลาด9.8%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 2,463 คัน / อีซูซุ 949 คัน – โตโยต้า 798 คัน – ฟอร์ด 574 คัน – มิตซูบิชิ 97 คัน – นิสสัน 45 คัน

ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 11,509 คัน ลดลง 39.8%

อันดับ 1 โตโยต้า5,690 คันลดลง 28.3%      ส่วนแบ่งตลาด49.4%
อันดับ 2 อีซูซุ4,152 คันลดลง47.8%ส่วนแบ่งตลาด36.1%
อันดับ 3 ฟอร์ด800 คันลดลง60.2%ส่วนแบ่งตลาด7%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – กันยายน 2567

ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 438,659 คัน ลดลง 25.3%

อันดับ 1 โตโยต้า167,218 คันลดลง16.1%ส่วนแบ่งตลาด38.1%
อันดับ 2 อีซูซุ65,269 คันลดลง45.7%ส่วนแบ่งตลาด14.9%
อันดับ 3 ฮอนด้า58,311คันลดลง16.6%ส่วนแบ่งตลาด13.3%

ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 169,862 คัน ลดลง 22.7%

อันดับ 1 โตโยต้า48,823 คันลดลง36.9%ส่วนแบ่งตลาด28.7%
อันดับ 2 ฮอนด้า33,981คันลดลง22.6%ส่วนแบ่งตลาด20%
อันดับ 3 มิตซูบิชิ13,740 คันเพิ่มขึ้น8.4%ส่วนแบ่งตลาด8.1%

ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 268,797 คัน ลดลง 26.8%

อันดับ 1 โตโยต้า118,395 คันลดลง2.9%ส่วนแบ่งตลาด44%
อันดับ 2 อีซูซุ65,269 คันลดลง45.7%ส่วนแบ่งตลาด24.3%
อันดับ 3 ฮอนด้า24,330 คันลดลง6.3%ส่วนแบ่งตลาด9.1%

ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 153,504 คัน ลดลง 40%

อันดับ 1 โตโยต้า70,632 คันลดลง29.5%ส่วนแบ่งตลาด46%
อันดับ 2 อีซูซุ56,812 คันลดลง47.5%ส่วนแบ่งตลาด37%
อันดับ 3 ฟอร์ด16,104 คันลดลง44%ส่วนแบ่งตลาด10.5%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 26,944 คัน / โตโยต้า 9,534 คัน – อีซูซุ 9,196 คัน – ฟอร์ด 6,138 คัน – มิตซูบิชิ 1,753 คัน – นิสสัน 323 คัน

ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 126,560 คัน ลดลง 39.3 %

อันดับ 1 โตโยต้า61,098 คันลดลง26.4%ส่วนแบ่งตลาด48.3%
อันดับ 2 อีซูซุ47,616 คันลดลง48%ส่วนแบ่งตลาด37.6%
อันดับ 3 ฟอร์ด9,966 คันลดลง48.9%ส่วนแบ่งตลาด7.9%